พุ่งติดอันดับ 2 ของโลก ค่าคุณภาพอากาศแย่ พื้นที่เชียงใหม่หลายพื้นที่เป็นเขตสีส้มและสีแดงจากพิษหมอกควัน

พุ่งติดอันดับ 2 ของโลก ค่าคุณภาพอากาศแย่ พื้นที่เชียงใหม่หลายพื้นที่เป็นเขตสีส้มและสีแดงจากพิษหมอกควัน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เทศบาลนครเชียงใหม่ เร่งฉีดพ่นละอองน้ำ และล้างถนนลดฝุ่นควัน

วันที่ 15 ก.พ. 66 นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ “ลดฝุ่นเพื่อคนที่คุณรัก” ภายใต้โครงการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาหมอกควันเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยมี นางนุสรา ยันตรโกวิท ปลัดเทศบาลนครเชียงใหม่ รองนายกเทศบาลนครเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเทศบาลนครเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิด ได้มีการปล่อยแถวรถฉีดพ่นลองน้ำ และรถทำความสะอาดกวาดล้างถนน เพื่อกระจายไปตามจุดต่างๆ ของตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อฉีดล้างฝุ่นและสร้างความชุ่มชื้นในพื้นที่

ในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ฝุ่นควันที่เกิดขึ้นภายในจังหวัดเชียงใหม่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ แนวทางหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ได้แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน นอกจากการเฝ้าระวังการเผาในที่โล่งแล้ว การล้างถนนนเพื่อลดปริมาณฝุ่นในอากาศก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นบนถนน สร้างความชุ่มชื้นให้กับอากาศ และทำให้ถนนสะอาด พร้อมกับได้ประสานกับเจ้าของกิจการที่มีอาการสูง จำนวน 17 แห่ง ในการขอความร่วมมือพ่นละอองน้ำรอบอาคารหรือบนอาคารสูง เพื่อช่วยดักจับฝุ่นควันในอากาศ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในแอป AirVisual ตรวจวัดดัชนีคุณภาพอากาศทั่วโลก พบว่าจังหวัดเชียงใหม่ อยู่อันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศปากีสถาน สำหรับจุดตรวจวัดค่า PM2.5 ของแอปพลิเคชั่น Air4Thai ตรวจพบในพื้นที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว วัดค่าได้ 264 มคก.ต่อ ลบ.ม. ค่า AQI วัดได้ 374 รองลงมาจุดวัด ต.หางดง อ.ฮอด วัดค่า PM2.5 ได้ 213 มคก.ต่อ ลบ.ม. ค่า AQI วัดได้ 323 จุดวัด ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม วัดค่า PM 2.5 ได้ 148 มคก.ต่อ ลบ.ม. ค่า AQI วัดได้ 258 จุดวัด ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ วัดค่า PM 2.5 ได้ 82 มคก.ต่อ ลบ.ม. ค่า AQI วัดได้ 180 จุดวัด ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ วัดค่า PM 2.5 ได้ 81 มคก.ต่อ ลบ.ม. ค่า AQI ได้ 177 และจุดวัด ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ วัดค่า PM 2.5 ได้ 74 มคก.ต่อ ลบ. ค่า AQI วัดได้ 159 โดยพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ จากจุดวัดต่างๆ พบว่าเป็นแถบสีส้ม และสีแดง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่

นักท่องเที่ยวแห่เที่ยวงานสตรอวร์เบอร์รี่ของดีอำเภอสะเมิงครั้งที่ 20

เริ่มแล้วงานสตรอว์เบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 20 นักท่องเที่ยวคึกคัก พ่อค้าแม่ค้าปลื้มการท่องเที่ยวฟื้นฟูกลับมาทำให้มีรายได้มากขึ้น

นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิดงาน สตรอว์เบอร์รีและของดีอำเภอสะเมิง ครั้งที่ 20 ประจำปี 2566 บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอสะเมิง โดยมี นายณฐกร ภัทรวนนท์ นายอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอสะเมิง ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอสะเมิง บริษัทห้างร้าน ผู้ประกอบการ ประชาชนในพื้นที่ ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

ภายในงานได้มีขบวนแห่รถบุปผาชาติสตรอว์เบอร์รี่ การประกวดชุดแฟนซีสตรอว์เบอร์รี่ มีการออกบูธจำหน่ายของดีอำเภอสะเมิง โดยหน่วยงานองค์ปกครองครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน พร้อมกับร้านจำหน่ายสตรอว์เบอร์รี่ อาหารและสินค้าต่างๆ มากมาย ซึ่งในวันนี้ได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก และจับจ่ายซื้อสตรอว์เบอร์รี่กลับไปเป็นของฝาก ซึ่งราคาสตรอว์เบอร์รี่ภายในงานเริ่มตั้งแต่กิโลกรัมละ 35 บาท ไปจนถึงกิโลกรัมละ 200 บาท ขึ้นอยู่กับไซส์ของสตรอว์เบอร์รี่ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 80

นายณฐกร ภัทรวนนท์ นายอำเภอสะเมิง กล่าวว่า อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 50 กิโลเมตร การเดินทางสะดวกมีภูมิประเทศและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมประเพณี มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เหมาะแก่การปลูกสตรอว์เบอร์รี่และผลไม้เมืองหนาวต่างๆ มีพื้นที่ปลูกสตรอว์เบอร์รี่มากที่สุดในประเทศไทยกว่า 4,000 ไร่ ผลผลิตแต่ละปีประมาณ 7,000 ตัน จึงขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของสตรอว์เบอร์รี่ก็ว่าได้ สามารถสร้างรายได้มาสู่อำเภอสะเมิงแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ผลจากการที่อำเภอสะเมิงมีการเพาะปลูกสตรอว์เบอร์รี่เป็นจำนวนมาก จึงได้มีการจัดงานสตรอว์เบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิงเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 20 แล้ว โดยกำหนดจัดขึ้นในห้วงระหว่างวันที่ 11 – 14 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์ให้สตรอว์เบอร์รี่และผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ OTOP ของดีอำเภอสะเมิง เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากยิ่งๆ ขึ้น

เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์และสร้างกระแสการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเข้ามายังอำเภอสะเมิงมากขึ้น เปิดโอกาสให้เกษตรกรและชาวบ้านได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมในขณะเดียวกันก็ได้ร่วมสนุก และพักผ่อนกับความบันเทิงในยามค่ำคืน เพราะช่วงกลางคืนก็มีการจัดงานประกวดธิดาชนเผ่า และประกวดธิดาสตรอว์เบอร์รี่ รวมถึงการแข่งขันลูกทุ่งแดนเซอร์ด้วย และยังเป็นการส่งเสริมอาชีพเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้กับราษฎรในพื้นที่มากขึ้น เพราะในอำเภอสะเมิงมีกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่จำนวนหลายชนเผ่า ซึ่งวันนี้ก็ได้มาร่วมขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่อลังการ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภายในงานเป็นอย่างมาก

ด้านแม่ค้าที่จำหน่ายสตรอว์เบอร์รี่ภายในงาน กล่าวว่า ปีนี้คึกคักอย่างมาก เพราะเงียบเหงามาแล้ว 2 ปี จากสถานการณ์โควิด การจัดงานสตรอว์เบอร์รี่และของดีอำเภอสะเมิง เป็นการกระตุ้นรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก

 

รื้อแล้วยางมะตอยเททับต้นไม้บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวหลังโซเชียลแห่แชร์หวั่นต้นไม้ตาย

ผอ.สบอ.16 ลงพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวให้เจ้าหน้าที่ขุดยางมะตอยและนำหินกรวด ที่เททับต้นไม้  หลังมีผู้ใช้โซเชียลโพสต์การปรับภูมิทัศน์ในพื้นที่อาจส่งผลให้ต้นไม้ยืนต้นตาย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 กพ.66   นายอิศเรศ  สิทธิโรจนกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 พร้อมกับ นางสาว จิราภรณ์ มีวาสนา หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) และนายวิทธวัช ทะวาปี นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดรวมพลของนักศึกษาธรรมชาติ ที่จะเดินขึ้นดอยหลวงเชียงดาว

หลังมีผู้ใช้โซเชียลได้มีการนำภาพการเทยางมะตอยลงพื้นที่และผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ไว้ ระบุว่าเป็นภาพของต้นไม้ ที่ถูกยางมะตอยเททับโคนต้นไม้ ถูกระบุว่า เป็นสถานที่ภายในพื้นที่ทำการของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ถูกราดด้วยยางมะตอยจนมิดโคน

โดยวันนี้ทางนายอิศเรศ  สิทธิโรจนกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16  ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ได้มีการใช้จอบขุดยางมะตอยออกจากพื้นที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งมีการราดยางมะตอยไว้ทั้งหมด ประมาณ  300 ตารางวา ซึ่งมีต้น ยางแดง /อบเชย /ประดู่ มะม่วง/ ตะแบก และพลับพลา รวมทั้งหมด 27 ต้น ซึ่งเป็นไม้ป่าดิบแล้ง ผสมป่าเบญจพรรณ นางสาว จิราภรณ์ มีวาสนา หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ ได้แนะนำให้แก้ไข โดยการขุดยางมะตอยและหินกรวดออกให้หมดเพื่อคืนหน้าดินให้กลับเข้าสู่ปกติเพื่อให้รากต้นไม้ประสานกันเหมือนเดิม พร้อมนำเจ้าหน้าที่กลุ่มงานวิชาการเข้าสำรวจพื้นที่และต้นไม้ด้วยว่ามีต้นไม้ต้นใดได้รับผลกระทบหรือไม่

นายอิศเรศ  สิทธิโรจนกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กล่าวว่า หลังมีผู้ใช้โซเชียลได้ลงภาพเมื่อวานนี้ตอนเย็น (วันที่ 8 กพ.66) ท่านอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชก็ได้มีการสั่งการตนจึงได้สั่งการให้หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์เชียงดาวและผู้รับเหมาให้หยุดดำเนินการและหาวิธีแก้ไขโดยด่วนซึ่งวันนี้ก็ได้เข้ามาในพื้นที่พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญในการดูแลต้นไม้เป็นกรณีพิเศษซึ่งเดิมพื้นที่นี้เป็นจุดรวมพลของนักท่องเที่ยวที่จะเดินขึ้นดอยหลวงทุกปีซึ่งทางหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าก็ได้ทำเรื่องเพื่อขอทำที่จอดรถและรวมพลเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีที่พักโดยปีนี้ทางศูนย์วิศวรกรรมเชียงใหม่ได้ดำเนินการซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นข้อผิดพลาดจากการประสานงานในการดำเนินการในพื้นที่ซึ่งมีการเทพื้นชั้นแรกชิดต้นไม้เกินไปซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้วซึ่งทางตนเองต้องขอขอบพระคุณทางผู้ใช้โซเชียลที่ค่อยเป็นหูเป็นตาและกระบอกเสียงที่ให้ทางเจ้าหน้าที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงว่าการดำเนินการจะเทพื้นตรงไหนต้องมีการสำรวจก่อนควรหรือไม่ควรอย่างไร และในอนาคตบางพื้นที่หากต้องการมีการพัฒนาสาธารณูปโภคนั้นจะต้องคำนึงถึงต้นไม้เป็นหลักหรือว่าเข้ามาสำรวจก่อนทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก

ในส่วนของการแก้ไขปัญหา คือ จัดแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน

1.พื้นที่ส่วนที่เป็นถนนและลานจอดรถ จะคงไว้เป็นถนนทางเข้าและออก ขนาดทางกว้างประมาณ 2 ม. และส่วนที่จะเป็นพื้นที่จอดรถหลักด้านหลัง โดยพื้นที่นี้เป็นรูปตัวยู  เป็นพื้นที่ที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่อยู่แต่เดิม  จะคงหินคลุกบดอัดไว้ แต่ลอกเอาชั้น  Prime Coat ออกทั้งหมด

2.พื้นที่ส่วนที่เหลือ จะทำการลอกชั้นหินคลุกจนถึงระดับผิวหน้าดินเดิมออกทั้งหมด โดยไม่ขุดลึกลงไปมากกว่าระดับผิวดินเดิม ป้องกันไม่ให้กระทบระบบราก  เพื่อคงสภาพพื้นที่กลับมาเป็นสภาพเดิมตามธรรมชาติให้มากที่สุด

หลากหลายสีสัน..กุหลาบกว่า 220 สายพันธุ์บานสะพรั่งต้อนรับวาเลนไทน์

หลากหลายสีสัน..กุหลาบกว่า 220 สายพันธุ์บานสะพรั่งต้อนรับวาเลนไทน์

หากนึกถึงไม้ดอกนานาพรรณบานสะพรั่งตลอดทั้งปีต้องที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มาเติมความหวานให้ความรักสดชื่น สัมผัสบรรยากาศแห่งรัก ท่ามกลางดอกกุหลาบหลากสีสันที่ทางอุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้เนรมิตพื้นที่จัดแสดงและรวบรวมสายพันธุ์กุหลาบกว่า 220 สายพันธุ์ เพื่อเป็นจุดเรียนรู้ และจุดชมดอกกุหลาบสวยๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเก็บภาพความงดงาม ซึ่งตอนนี้กำลังบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วสวนอยู่หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น โดมกุหลาบ โซนร้านกาแฟ HRDI Cafe สวนฤดูฝน สวนประเทศโมร็อกโก สวนข้างโรงแรมราชพฤกษ์เพลซ และแปลงรวบรวมสายพันธุ์กุหลาบ พร้อมโรแมนติกไปกับกิจกรรม Valentine Special Week ระหว่างวันที่ 10-15 กุมภาพันธ์ 2566 มีกิจกรรมน่ารักมากมาย อาทิ


– กิจกรรมหา “RC สายพันธุ์กุหลาบ” เติมความรู้สุดเพลิดเพลิน แถมยังได้ลุ้นรับของที่ระลึกสุดพิเศษ
– ช้อปกล้าพันธุ์กุหลาบในงานและ Pre-Order
– แชะ แชร์ จุดถ่ายรูปทั้งดอกกุหลาบและต้นประดู่แดง พร้อมติดแฮชแท็กลุ้นรับของที่ระลึก
– นั่งชิลๆ จิบชา กาแฟ และเครื่องดื่มสดชื่นเมนูวันวาเลนไทน์สุดพิเศษ ท่ามกลางดอกกุหลาบบานสะพรั่งเพียงแค่สั่งผ่าน QR Code พร้อมบริการจัดส่งแบบ Delivery

และห้ามพลาดกับกิจกรรมพิเศษวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 กิจกรรม “Cupid Run 2023” โสดดีนัก มา(หา)รักกัน..ชวนคนหนุ่มสาว นักเรียน นักศึกษา วัยทำงานหรือผู้ที่รักสุขภาพ มาเดิน-วิ่งสุดชิล ระยะทาง 2.8 km ต้อนรับวันแห่งความรักพร้อมจุด Checkpoints สุดพิเศษที่สายมู สายแชะ สายดวง ไม่ควรพลาด! เป็นกิจกรรมที่เอาใจคนโสด (แบบสุดๆ) : ลงทะเบียนเพียง 96 บาท/คน รับจำนวนจำกัดเพียง 300 คนเท่านั้น!

และวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 กิจกรรม “Rose Paradise Walking Tour” ไปกับผู้เชี่ยวชาญด้านกุหลาบที่จะพาทุกท่านเดินชมดอกกุหลาบกว่า 220 สายพันธุ์ เรียนรู้แบบเจาะลึก พูดคุย ตั้งแต่วิธีการปลูก ขยายพันธุ์ วิธีการดูแล ฯลฯ พร้อมกิจกรรม Work Shop ติดตาต้นกุหลาบไปด้วยกัน กิจกรรมดีๆ ที่คนรักกุหลาบไม่ควรพลาด! รับจำนวนจำกัดเพียง 20 ท่านเท่านั้น
ลงทะเบียน : https://forms.gle/uNDf6iTisbmykaW56

นอกจากนี้ ยังมีจุดถ่ายรูปในช่วงเดือนแห่งความรักให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปแบบสนุกๆ กันอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น
– โซนจัดแสดงไม้ดอกเมืองหนาวนานาพรรณจากบนพื้นที่สูง อาทิ เจอราเนียม ซัลเวียแดง พิทูเนีย บีโกเนีย บลูซันเวีย ผีเสื้อ ซัลเวียบิ๊กบลู เกียวชาเดีย ฯลฯ ที่สวนลานต้อนรับและสวนอังกฤษ


– เพลิดเพลินกับกล้วยไม้นานาพันธุ์ มีทั้งกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิส แวนด้า ม็อคคาร่า แอสโคเซ็นด้า ในเรือนกล้วยไม้
– อุโมงค์พวงครามพร้อมบานสะพรั่งเป็นสีม่วงเต็มอุโมงค์ในช่วงสัปดาห์วันวาเลนไทน์
– อลังการกับทุ่งดอกไม้ อาทิ ทุ่งดอกซัลเวียแดงที่สวนพรมบุปผา และทุ่งดอกบีโกเนียท่ามกลางกังหันยักษ์ที่สวนประเทศเนเธอร์แลนด์


– เซลฟี่กับไม้กลุ่มสีที่เริ่มทยอยบานให้ชมกันแล้วทั้งต้นส้มสุก ณ บริเวณรอบๆ เรือนกล้วยไม้ และต้นประดู่แดงที่ลานประดู่แดง (ติดกับสวนพรมบุปผา)
– เช็คอินบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกกับสวนนานาชาติ อาทิ สวนประเทศเกาหลีใต้ สวนประเทศญี่ปุ่น สวนประเทศตุรกี สวนประเทศโมร็อคโก หรือจะแหวกแนวถ่ายรูปคู่รักดาวอังคารที่สวนอัศจรรย์สีสันแห่งดาวอังคาร

 

รมว.ทส. เผย สถานการณ์ไฟป่าหมอกควันปีนี้อาจรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ย้ำทุกหน่วยเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิด

รมว.ทส. เผย สถานการณ์ไฟป่าหมอกควันปีนี้อาจรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ย้ำทุกหน่วยเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิด

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันปีนี้อาจรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา กำชับให้มีการกวดขันในพื้นที่โล่งแจ้ง พื้นที่ควบคุมเข้มงวด และพื้นที่ไฟไหม้ซ้ำซาก ย้ำทุกหน่วยงานเฝ้าระวังติดตามย่างใกล้ชิด บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด

วันนี้ (6 ก.พ. 66) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมปฏิบัติการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยมี นายนิรัตน์ พงศ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันจะรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยได้กำชับให้มีการกวดขันการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง พื้นที่ป่าอนุรักษ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมเข้มงวดอย่างยอดดอย สถานที่ที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติ และพื้นที่ไฟไหม้ซ้ำซากทุกปี ด้วยการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร ส่วนการจัดทำแนวกันไฟ การชิงเผา หรือการชิงเก็บลดเผา ให้ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ว่าจุดความร้อนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นจุดความร้อนที่สามารถควบคุมได้ สำหรับการเฝ้าระวังและการควบคุมนั้น นับว่าเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน จึงขอให้มีการเฝ้าระวัง ลาดตระเวน และจัดกำลังพล อุปกรณ์ ยานพาหนะ

โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้มีความพร้อม เพื่อเสริมศักยภาพแก่กำลังพลผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ด้านการบังคับใช้กฎหมาย ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความอดทน อดกลั้น และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตามอำนาจที่มี โดยขอให้เร่งปฏิบัติการในทุกพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ

 

ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่า “ชุดเสือไฟ” ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช “ชุดเหยี่ยวไฟ” ของกรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมไฟป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 16 และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 3 รวมถึงขอบคุณจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้มีการประสานการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างสุขแลสุขภาพที่ดีของประชาชน ให้ปลอดภัยจากปัญหาหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

อช.ศรีลานนาสกัดจับขบวนการมอดไม้ยึดของกลางไม้ประดู่-ชิงชังแปรรูปมูลค่า1ล้านกว่าบาท

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ตรวจยึดประดู่และไม้ชิงชันแปรรูป อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มูลค่า1,175,667 บาท บาท

5 กุมภาพันธ์ 2566 นายภูพิชิต ช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของท่านอรรถพล เจริญชันษา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ทุกหน่วยงานป้องกันปรามปรามการลักลอบกระทำความผิดด้านทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างเข้มข้น เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.00 น. ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566เวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ได้ทำการดักซุ่มจับกุมขบวนการลักลอบค้าไม้มีค่า ตามที่ได้รับแจ้งจากสายข่าว เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ว่ามีการลักลอบตัดไม้มีค่า บริเวณป่าห้วยน้ำดำ เขตติดต่ออำเภอพร้าว-อำเภอเชียงดาว ในท้องที่ บ้านหนองผา หมู่ที่ 14 ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีลานนา

แหล่งข่าว ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10.00 น. ได้มีการนำไม้มีค่าดังกล่าวมาซุกซ่อนอำพรางไว้บริเวณสนามกีฬาภายในหมู่บ้านหนองผา หมู่ที่ 14 ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ โดยขบวนการค้าไม้จะนำรถกระบะบรรทุกสีขาวตู้ทึบเข้ามาบรรทุกขนไม้ที่ทำการซุกซ่อนไว้ออกจากพื้นที่ ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ จึงได้ร่วมกันวางแผนทำการดักซุ่มจับกุม ตั้งแต่ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.00 น. จนถึงเวลา 12.30 น. ของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 ในขณะทำการดักซุ่มเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า ขบวนการลักลอบค้าไม้ทราบความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ จึงได้มีการแจ้งให้ยกเลิกการขนไม้ไว้ก่อนแล้วให้เคลื่อนย้ายไม้ไปซุกซ่อนไว้ที่อื่น

สายข่าวจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำการตรวจยึดไม้โดยเร็วก่อนที่จะมีการนำไม้ไปซุกซ่อนในพื้นที่อื่น เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบบริเวณสนามกีฬาภายในหมู่บ้านหนองผา หมู่ที่ 14 ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ และพื้นที่ทำกินใกล้เคียงโดยรอบ ตรวจพบไม้ประดู่และไม้ชิงชันแปรรูป กองกระจายอยู่หลายจุด โดยมีการใช้กิ่งไม้ใบไม้ รวมทั้งต้นกล้วยใบกล้วยปกปิดซุกซ่อนอำพรางไว้ จึงได้ร่วมกันตรวจยึดไม้มีค่าดังกล่าว ได้แก่ ไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 150 เหลี่ยม/ชิ้น ปริมาตร 5.872 ลูกบาศก์เมตร ค่าเสียหายของรัฐคิดเป็นเงิน 411,040 บาท และไม้ชิงชัน 32 เหลี่ยม/ชิ้น ปริมาตร 1.427 ลูกบาศก์เมตร ค่าเสียหายของรัฐคิดเป็นเงิน 428,100 บาท รวมไม้ของกลางที่ตรวจยึดได้ จำนวน 182 เหลี่ยม/ชิ้น รวมปริมาตรทั้งหมด 7.299 ลูกบาศก์เมตร

 

รวมค่าเสียหายของรัฐเป็นเงินจำนวน 1,175,667 บาท ไม้ของกลางทั้งหมดนำมาเก็บรักษาไว้ ณ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ที่ ศล.2 (ปางมะเยา) ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษสืบสวนสอบสวนหากลุ่มขบวนการลักลอบค้าไม้มีค่าและบุคคลที่เกี่ยวข้องมาเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กำชับให้นำหลักฐานที่พบไปขยายผลสืบสวนดำเนินคดีกับตัวการและผู้อยู่เบื้องหลังให้ได้ต่อไป

cr.ข้อมูลภาพจาก เพจกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ลูกทรพี เสพฝิ่น ยิงพ่อบาดเจ็บสาหัส ชาวบ้านพาส่งโรงพยาบาล

ลูกทรพี เสพฝิ่น ยิงพ่อบาดเจ็บสาหัส ชาวบ้านพาส่งโรงพยาบาล

 

วานนี้ (4 กุมภาพันธ์ 2566) เวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่ฯ ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.แม่แจ่มฯ ว่ามีเหตุยิงกันที่บ้านสามสบบน ม.1 ต.ท่าผา อ.แม่แจ่มฯ

พ.ต.อ.สายัณห์ จันทร์แจ่มกระจ่างผกก.สภ.แม่แจ่มฯ, พ.ต.ท.เจษฎา ปาลีกุย รอง ผกก.สส.สภ.แม่แจ่มฯ,พ.ต.ท.ธีรวัฒน์ อ้นจันทร์ สว.สส.สภ.แม่แจ่มฯ เจ้าพนักงานตำรวจสภ.แม่แจ่มฯ ประกอบด้วย ชุดสืบสวนฯ,สายตรวจ,สอบสวนฯเข้าดำเนินการตรวจสอบที่เกิดเหตุต่อมาทราบชื่อผู้ก่อเหตุภายหลังชื่อนายชะ นิมิตเจริญสุข อายุ 40 ปี ใช้อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์(ปืนแก๊ปยาว)ยิงนายชิดี นิมิตเจริญสุข อายุ 65 ปี บิดาของตนเองและนายชิดีฯ ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนแล้ว

เมื่อไปถึงบ้านหลังที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฯ พบนายชะฯ ยืนอยู่ที่หน้าบ้านจึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจสอบตรวจค้นก่อนทำการตรวจค้นตัวนายชะ  ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามหาอาวุธปืนที่นายชะ ได้ใช้ก่อเหตุใช้ยิงนายชิดีโดยที่นายชะให้ข้อมูลว่าอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุอยู่ภายในบ้านเจ้าหน้าที่ฯ จึงเข้าตรวจค้นภายในบ้านที่นายชะ ผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนแก๊ปยาว (แบบไทยประดิษฐ์ไม่มีหมายเลขทะเบียน) จำนวน  2  กระบอก วางพิงอยู่ข้างฝาภายในบ้านที่นายชะ พักอาศัยอยู่และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 1 ชุด อยู่ในถุงผ้าย่ามสีดำแขวนอยู่ที่เสาภายในบ้านที่นายชะฯ พักอาศัยอยู่ โดยนายชะ รับว่าอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอกและเครื่องกระสุนปืนที่เจ้าหน้าที่ ตรวจพบนั้นเป็นของตนเองจริงเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง

นายชะให้การรับสารภาพว่า ได้อาวุธปืนแก๊ปยาวใช้ยิงนายชิดี

ผู้เป็นพ่อที่ยืนอยู่ใต้ต้นขนุนห่างจากจุดที่ตนเองยืนอยู่ประมาณ 10 เมตร และนายชะ รับว่าได้เสพฝิ่นมาวันนี้ก่อนถูกเจ้าหน้าที่จับกุม จึงจัดให้มีการตรวจปัสสาวะของนายชะฯ

โดยใช้ชุดตรวจเบื้องต้นสารมอร์ฟีนปรากฏพบให้ผลตรวจเป็นบวก จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้นายชะฯ ทราบว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและยิงปืนในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรแก่กรณีและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (มอร์ฟีน) โดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนจะควบคุมตัวนายชะ พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่แจ่ม ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ดาบตร.เชียงรายค้นเป้าอาวุธปืนถูกคนร้ายยิงสวนเสียชีวิต


ดาบตร.เชียงรายค้นเป้าอาวุธปืนถูกคนร้ายยิงสวนเสียชีวิต

เมื่อเวลา 07.00 น.วันนี้ (4 ก.พ.) พ.ต.อ.จิตรกร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผกก.สภ.เวียงชัย จ.เชียงราย มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นจากศาล จ.เชียงราย เข้าตรวจค้นเป้าหมายคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนที่หมู่บ้านชัยภูมิ หมู่ 10 ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย หลังจากสืบทราบว่าอาจมีผู้มีอาวุธผิดกฎหมายอยู่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงบ้านเป้าหมายและแสดงหมายค้นต่อเจ้าของบ้านที่เป็นสามีภรรยากันก็พบว่าได้มีชายต้องสงสัยจำนวน 1 คน วิ่งหลบหนีออกไปทางด้านหลังบ้านมุ่งหน้าไปทางทุ่งนาคาดว่าเป็นบุคคลเป้าหมายดังกล่าว ทำให้ชุดสืบสวน สภ.เวียงชัย พากันออกวิ่งไล่ติดตามโดยทาง ด.ต.เปรม ตั๋นตุ้ย อายุ 41 ปี ผบ.หมู่งานสืบสวน วิ่งตามชายคนดังกล่าวไปอย่างกระชั้นชิด

จากนั้นได้มีเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 4 นัด เมื่อเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ วิ่งตามไปถึงก็พบว่า ด.ต.เปรม ถูกคนร้ายยิงที่เข้าที่ศีรษะจำนวน 1 นัด ท้องจำนวน 1 นัด จนเสียชีวิตคาดที่บริเวณกลางทุ่งนาดังกล่าว ส่วนคนร้ายได้อาศัยความเร็ววิ่งฝ่าทุ่งนาหลบหนีไปได้ เบื้องต้นคาดว่าคือนายแบ๊ง อายุ 36 ปี ชาว ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเคยรับราชการเป็นตำรวจและถูกส่งไปอยู่ที่ จ.ปัตตานี ต่อมาได้ออกจากราชการ เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ภ.จว.เชียงราย และระดมกำลังกันออกติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนโดยใช้ความระมัดระวังขึ้นสูงสุดเนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนและสถานที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนชนิด SIG P365 ตกอยู่ด้วย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังคงออกติดตามคนร้ายอยู่.

โรงพยาบาลลานนา พร้อมเป็น Medical Hub รับผู้ป่วยบินมาตรวจสุขภาพ พร้อมรักษาตัว เชียงใหม่

โรงพยาบาลลานนา พร้อมเป็น Medical Hub รับผู้ป่วยบินมาตรวจสุขภาพ พร้อมรักษาตัว เชียงใหม่

 

เริ่มต้นด้วยกลุ่มลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ชาวเมียนมาร์ ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับบริษัท Malithai P&S Property and Service ให้บริการตรวจสุขภาพ และรักษาพยาบาล แก่ลูกค้าของบริษัทฯ
.
วันที่ 20 มกราคม 2566 นพ.ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลลานนา นางสาวจันทนา จารุเศรณี หัวหน้าแผนกลูกค้าสัมพันธ์ และนางจิราลักษณ์ จันทร์กระจาย หัวหน้าแผนกสื่อสารการตลาด ร่วมกับบริษัท Malithai P&S Property and Service โดย Dr.B Htoi Awng Mai และนางสาวกุลธิดา ลาพา ตำแหน่ง Managing Director ได้ร่วมพูดคุย หารือ และตกลงทำบันทึกข้อตกลง (MOU) การส่งลูกค้ามาใช้บริการตรวจสุขภาพประจำปี พร้อมรักษาพยาบาลแก่ลูกค้าของบริษัท Malithai P&S Property and Service ซึ่งเป็นลูกค้าชาวเมียนมาร์
ที่อยู่ในกลุ่ม Medical Tourism หรือนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หรือเชิงสุขภาพ มาเที่ยวด้วยพร้อมต้องการตรวจสุขภาพและรักษาพยาบาลไปด้วย
.
ซึ่งขณะนี้หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ประเทศเมียนมาร์ จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ คือ กลุ่มผู้มีรายได้สูง ที่ต้องการบริการทางการแพทย์ที่ดี ต้องการเข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทย ซึ่งมีมาตรฐาน และการบริการที่ดีเยี่ยม แต่ค่าใช้จ่าย ไม่แพง ทางบริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของโรงพยาบาลลานนา ที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีความพร้อมด้วยแพทย์เฉพาะทางหลากหลายสาขา และเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยที่ทันสมัย และล่ามภาษาต่างประเทศ ในราคามาตรฐาน ที่จะคอยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาตรวจสุขภาพ รวมถึงมารักษาที่โรงพยาบาลลานนา จังหวัดเชียงใหม่ แห่งนี้


โดยนพ.ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลลานนา กล่าวว่ามีความยินดีเป็นอย่างมากที่บริษัทฯ ให้ความไว้วางใจ ส่งลูกค้ามาให้เราดูแล ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมชื่อเสียง และยกระดับการบริการทางการแพทย์ของจังหวัดเชียงใหม่ ให้คนต่างชาติรับรู้ว่ามีศักยภาพสูง ไม่ต้องบินตรงไปรักษาที่กรุงเทพฯที่เดียวเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย

คนพร้าวรักษ์ป่า “รวมใจร่วมบวงสรวงอนุสาวรีย์ 3 บูรพาจารย์” และร่วมหารือแผนกิจกรรมโครงการธรรมชาติปลอดภัย ปี 2566  อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

คนพร้าวรักษ์ป่า “รวมใจร่วมบวงสรวงอนุสาวรีย์ 3 บูรพาจารย์” และร่วมหารือแผนกิจกรรมโครงการธรรมชาติปลอดภัย ปี 2566  อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

เมื่อเร็วๆนี้คนพร้าวรักษ์ป่า นำโดย ท่านพระครูวรวรรณวิวัฒน์  ดร. ประธานชมรมคนพร้าวรักษ์ป่า  ร.ต.ท.นคร  ปัญญาทิพย์  นายกเทศมนตรีตำบลเวียง พร้าวนายวรุตม์ วิศิษฏ์ศิลป์ นายอำเภอพร้าว ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.พร้าว พร้อมด้วยนายอิศเรศ สิทธิโรจนกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16นายภูพิชิตช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา  และ  คุณศิริลักษณ์ เจนการวณิช ผู้บริหารโครงการธรรมชาติปลอดภัย สำนักบริหารความยั่งยืนธรรมภิบาล  และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์   ธุรกิจพืชครบวงจร ข้าว  ขนส่งและบริการ   เครือเจริญโภคภัณฑ์  พร้อมคณะ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน  ห้างร้านต่างๆ ในพื้นที่  ร่วมกิจกรรมบวงสรวงอนุสาวรีย์ 3 บูรพาจารย์  ซึ่งถือเป็นกิจกรรมประจำทุกปีและเป็นศูนย์รวมใจชาว อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

 

 

พร้อมกันนี้ได้ร่วมประชุมแผนโครงการธรรมชาติปลอดภัย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ประจำปี 2566  เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนกิจกรรมโครงการปี 2566  ตามเป้าหมายสู่ความยั่งยืนเครือเจริญโภคภัณฑ์สำหรับปี 2566 มีแผนการดำเนินโครงการฯ มุ่งเน้นการส่งเสริมพัฒนาอาชีพราษฎร, การปลูกป่าเศรษฐกิจ, การทำวนเกษตร, ปลูกป่าแนวเขตอุทยานกับราษฎร และการสำรวจการกักเก็บคาร์บอนเครดิตในพื้นที่ป่าต่างๆ

เบื้องต้นทางอุทยานฯได้วางแผนสำรวจโดนพื้นที่ต.โหล่งขอด อ.พร้าว  เพื่อดูศักยภาพผลผลิตกาแฟ ณ  บ้านแม่สายป่าเมี่ยง  และพื้นที่ปลูกพืชไร่ -ไม้ผล ของราษฎรเพื่อนำไปสู่การพัฒนาผลิตผลและเชื่อมโยงการตลาด อย่างยั่งยืนต่อไป