รวบเซียนพระชื่อดังเชียงใหม่หลอกเช่าพระเครื่องทางออนไลน์ส่งพระปลอมให้ลูกค้ามีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

 

รวบตุ้ยกาดหลวงเซียนพระดังในเชียงใหม่เปิดเฟซหลอกให้เช่าบูชาพระเครื่อง มีผู้เสียหายหลงเชื่อจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 22 ก.ย. 63 พ.ต.อ.ณฐภณ แก้วกำเนิด ผกก.สภ.แม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.แม่โจ้ ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายสมรัก ปะระไทย อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 345 ถนนวังสิงห์คำ ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในฐานความผิด “ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค, ออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะออกเช็คนั้น”

 

ในการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2563 ได้มีผู้เสียหายจำนวน 7 ราย เดินทางเข้าพบกับ ร.ต.อ.พงศ์พิพัฒน์ นันทวิสุทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.แม่โจ้ ว่าถูกนายสมรัก หรือฉายา ตุ้ย กาดหลวง หลอกลวงจากการเช่าบูชาพระ ทั้งการส่งมอบพระที่ไม่ตรงกับองค์ การหยิบยืมทรัพย์สินไปและไม่ส่งมอบคืน แต่จ่ายเงินเป็นเช็คกลับมาและเช็คไม่สามารถนำมาขึ้นเงินได้ ต่อมาทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอหมายจับของศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ จ.337/2563 ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ออกติดตามจับกุม กระทั่งทราบว่านายสมรัก ได้เดินทางมาเพื่อพบลูกค้าบริเวณหน้าร้านฟินิกซ์ ตำบล หนองหาร อำเภอสันทราย จึงได้นำกำลังเข้าจับกุม

 

ต่อมาในช่วงเวลา 13.30 น. นายวีระชัย ไชยเจริญ หรือโจ๊ก ลำพูน ประธานสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายอิทธิพล ตันตินาคม และสมาชิกสมาคม ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ณฐภณ แก้วกำเนิด ผกก.สภ.แม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ หลังจากทราบว่าได้ทำการจับกุมตัวนายสมรัก หรือตุ้ยกาดหลวง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อยื่นหลักฐานเพิ่มเติม และมีการแจ้งความเพิ่มในคดีดังกล่าว

 

นายวีระชัย ไชยเจริญ หรือโจ๊ก ลำพูน ประธานสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า นายสมรัก อดีตเคยเป็นสมาชิกสมาคม และมีตำแหน่งในสมาคม ได้ใช้ชื่อเสียงของตนเองที่ได้จากสมาคมนั้นเปิดให้เช่าบูชาพระเครื่อง มีการเปิดเฟซบุ๊กเพื่อหลอกลวงหลายเฟซบุ๊ก ตนก็เคยถูกนายสมรัก มาเช่าบูชาพระเช่นเดียวกัน หนี้สินก้อนแรกราคา 180,000 บาท ตนก็ได้ยกให้ เพราะเห็นว่าเป็นรุ่นน้อง และสงสารทางครอบครัวของนายสมรัก ที่ได้เข้ามาพูดคุยและเจรจาให้ ตนจึงไม่เอาเรื่อง และยังคิดว่านายสมรัก จะกลับตัวและสร้างชีวิตใหม่ได้ และได้มาขอพระบูชาจากตนราคา 6 แสนบาท จำนวน 1 องค์ ตนก็ให้ไป เพื่อให้ต่อยอดในอาชีพ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับเงินกลับคืน พยายามติดต่อหลายครั้ง สุดท้ายก็ได้รับเป็นเช็คสั่งจ่ายเงิน แต่เมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินปรากฏว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะลายเซ็นต์ไม่ถูกต้อง ต่อมายังทราบว่าบัญชีดังกล่าวได้ถูกปิดไปแล้ว และยังมีพระอีกหลายรายการที่เช่าบูชากันตนก็ไม่ได้รับเงิน สำหรับสมาชิกในสมาคม อีกคนหนึ่งคือ นายอิทธิพล ก็เคยถูกหยิบยืมเงินและทรัพย์สินไปร่วมกว่า 2 ล้านบาท และเป็นหนึ่งในบุคคลที่เข้าแจ้งความดำเนินคดี และยังมีอีกหลายรายที่เสียหลายตั้งแต่หลักแสน และมากกว่า 3 ล้านบาทก็มี ยังไม่รวมผู้เสียหายรายย่อยจากทั่วประเทศที่เคยถูกหลอกซื้อขายพระ จากองค์จริงและได้รับเป็นพระเก๊ หรือพระที่ไม่ตรงกับภาพที่โชว์ บางรายไม่ได้รับพระที่บูชาไปแม้ว่าจะมีการโอนเงินมาให้ ขอเงินคืนก็ไม่ได้รับเงินคืนก็มีอีกจำนวนมาก ทำให้คนเหล่านี้มีการตั้งเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่อรวมกลุ่มคนถูกโกงขึ้นด้วยมีสมาชิกที่เสียหายตอนนี้ 38ราย
ในกลุ่มนี้ก็มีคนที่เสียหายตั้งแต่หลักพันบาทจนถึงหลักล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดคาดว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ถือว่าทำให้วงการพระเครื่องเสียหายอย่างมาก ตนในฐานะประธานสมาคมได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากและไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ จึงได้เดินทางมาในวันนี้และตนก็จะเป็นคนหนึ่งที่ร่วมแจ้งความเพิ่มเติมในคดีด้วย
ขณะเดียวกันอยากฝากเตือนประชาชนที่จะเช่าบูชาพระเครื่อง ในปัจจุบันมีการเช่าบูชาทางออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก อยากให้มีการสอบถามถึงแหล่งที่มาและตรวจสอบบุคคลที่เปิดให้เช่าบูชาให้แน่ชัดเสียก่อน เพื่อไม่ให้หลงเชื่อและเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ และหากใครที่เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ก็สามารถนำหลักฐานมาแจ้งความเพิ่มเติมได้ที่ สภ.แม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่


ด้านนายสมรัก หรือ ตุ้ย กาดหลวง สารภาพว่า พยายามเคลียร์เงินให้ผู้เสียหายไปแล้วหลายราย และที่ผ่านมาตนเองก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน แต่หลังถูกลูกค้ามาประจานในเพจเฟซบุ๊กทำให้ตนเองได้รับผลกระทบจนไม่สามารถขายพระเครื่องได้ ยืนยันว่า ตนเองส่งพระไปให้จริง หรือบางรายที่ไปขอเช่าพระ ก็โอนเงินไปให้แต่ลูกค้าก็ไม่โอนพระมาให้เช่นกัน จนตนเองไม่มีเงินทุนหมุนเวียน

30 ปี เอไอเอส ชวนคนไทยกระโดดข้ามพ้นวิกฤต ตั้งแนวรบ “ภารกิจคิดเผื่อ” ชู 3 โมเดล ติดเครื่องนวัตกรรม เอาชนะความท้าทาย ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง

30 ปี เอไอเอส ชวนคนไทยกระโดดข้ามพ้นวิกฤต ตั้งแนวรบ “ภารกิจคิดเผื่อ”
ชู 3 โมเดล ติดเครื่องนวัตกรรม เอาชนะความท้าทาย ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง

 

ในงาน AIS Academy for Thais: JUMP THAILAND
22 กันยายน 2563: AIS Academy เปิดภารกิจคิดเผื่อเพื่อคนไทยอีกครั้ง ขนทัพองค์ความรู้พร้อม
สู้ศึกใหญ่หลังวิกฤตที่คนทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ สู่การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยี
ชู 3 โครงการ 1. JUMP to Innovation กระโดดสู่ความเหนือกว่าด้วยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนของประเทศ
2. JUMP over the Challenge กระโดดสู่ความท้าทาย บนเส้นทางอาชีพใหม่ที่สร้างได้เอง และ 3. JUMP with EdTech กระโดดสู่ความรู้ด้วยการเรียนทาง Digital ในวันที่ต้อง Re-Skill พบกันในงาน AIS Academy for Thais: JUMP THAILAND รูปแบบ Virtual LIVE Event ในวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.15 น. ลงทะเบียนฟรีได้แล้ววันนี้ ทาง https://register.aisacademyforthais2020.com
​นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล เอไอเอส กล่าวว่า “จากวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา เปรียบเสมือนกับสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เราต่อสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็น แต่กลับส่งผลกระทบสั่นสะเทือนไปทุกวงการ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทำให้หลายองค์กรต้องปิดตัวลง หลายคนต้องตกงาน ส่งผลให้วิถีชีวิตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สำหรับภารกิจคิดเผื่อ โดย AIS Academy ในครั้งนี้ เราจึงไม่เพียงชวนคนไทยให้ลุกขึ้นเดินหน้าใหม่อีกครั้ง แต่ก้าวกระโดดให้เร็วกว่าที่เคย เพื่อฝ่าวิกฤตไปให้ได้ ด้วยการทลายกรอบความคิด ความคุ้นเคยเก่าๆ ออกไปให้หมด พร้อมกับการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนเป็นตัวช่วยให้รับมือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาตัวเองให้เหนือขีดจำกัดความสามารถเดิมๆ พร้อมเปิดรับประสบการณ์ การเรียนรู้ เพิ่มทักษะใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อน จะช่วยให้ทุกคนอยู่รอดได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ดังนั้นการจัดงานครั้งนี้ นอกจากจะตอกย้ำหน้าที่ขององค์กรที่มุ่งสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมมาอย่างต่อเนื่องตลอด 30 ปี แล้ว ยังถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องการคัดกรององค์ความรู้ที่ใช่ เพื่อให้คนไทยสามารถนำไปปรับใช้งานให้กระโดดก้าวผ่านความท้าทายได้อย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย”

งานในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากวิทยากรหลายวงการทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคธุรกิจ นำโดย คุณชาคริตย์ เดชา รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน / ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง / ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) / คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) / คุณอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าฝ่ายขับเคลื่อนนวัตกรรม เอไอเอส / คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เทคซอส มีเดีย / คุณพิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร และคุณศิรพันธ์ วัฒนจินดา ผู้ก่อตั้งบริษัท คิดคิด จำกัด / คุณสุดารัตน์ สุขแสงรัตน์
อดีตผู้ช่วยบรรณาธิการบริหารฝ่ายข่าว ปัจจุบันเป็นเจ้าของร้าน แซ่บ..ซดโฮก by พี่หน่อง / คุณสุธีอัสววิมล ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริหาร บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด / คุณศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์ (นาน่า) นิสิต และนักแสดงจาก นาดาว บางกอก และ ดร.ปรง ธาระวานิช หัวหน้าสถาบันพัฒนาทรัพยากรบุคคล เอไอเอส ที่จะมาถ่ายทอดสถานการณ์และเทคนิคเพื่อร่วมเสริมศักยภาพให้คนไทยพร้อมเผชิญกับทุกความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล

พบกันในงาน AIS Academy for Thais: JUMP THAILAND รูปแบบ Virtual LIVE Event
ในวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.15 น. ลงทะเบียนฟรีได้แล้วตั้งแต่วันนี้ทาง https://register.aisacademyforthais2020.com ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.aisacademy.com หรือ Facebook: AIS Academy for Thais
******************************************
#aisacademyforthais2020 #aisacademy #LearnDibyAISAcademy #jumpthailand
https://drive.google.com/drive/folders/1fnaUHNNepWX0JXo8BGn0Kf1euBUXZm0T?usp=sharing
VDO: AIS Academy for Thais: JUMP THAILAND
เกี่ยวกับ AIS Academy
ตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา AIS Academy จัดตั้งขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านการเรียนรู้เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ จากทั้งภายในและนอกประเทศ ด้วยบทบาทหน้าที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรภายในองค์กรในทุกระดับชั้น โดยมี Digital Platform เป็นแหล่งความรู้ให้พนักงานสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา สร้างวัฒนธรรมแห่งการตื่นรู้และพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่เสมอ ต่อจากนั้น AIS Academy ได้ขยับบทบาทในฐานะภาคเอกชนและการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมไทย พร้อมอาสาเป็นอีกแกนที่รวบรวมภาคเอกชนในการทำงานพัฒนาและผลักดันองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีแห่งอนาคตให้กับคนไทยได้เรียนรู้ สร้างความเข้าใจและตื่นตัว เพื่อเตรียมพร้อมกับกระแส Digital Disruption ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนและสังคมอยู่ตลอดเวลา ภายใต้โครงการ AIS Academy for Thais : ภารกิจคิดเผื่อ เพื่อคนไทย” เพราะเราเชื่อมั่นว่าการเติบโตแต่เพียงผู้เดียว มิใช่การเติบโตอย่างแท้จริง แต่การทำให้สังคมไทยเข้มแข็งและแข็งแรงขึ้น เป็นการเติบโตอย่างยั่งยืน

สายเซลฟี่พลาดไม่ได้เที่ยวทุ่งดอกมากาเร็ตสามสี

ที่จังหวัดเชียงใหม่นักท่องเที่ยวต่างพากันเดินทางไปเที่ยวทุ่งมากาเร็ตสามสีในตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริมบนพื้นที่กว่า 2 ไร่ที่ปลูกต้นมากาเร็ตกว่า 4 หมื่นต้นบานสะพรั่งอวดสายนักท่องเที่ยว (มีคลิป)

นักท่องเที่ยวต่างตื่นตาและตื่นใจเมื่อได้เห็นดอกมากาเร็ตสีสันสวยงาม ทั้งสีขาว สีบานเย็นและสีชมพู บานชูช่ออยู่เต็มสวนท่ามกลางสายฝนไอหมอกประกอบกับวิวภูเขาของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุย สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวทุ่งดอกมากาเร็ต ไร่กลิ่นเกสร ในตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งเปิดวันนี้เป็นวันที่ 2 แล้ว หลังจากที่นักท่องเที่ยวทราบข่าวก็แห่กันมาถ่ายรูปสวยๆคู่กับดอกมากาเร็ตในแปลง ซึ่งทางเจ้าของสวนปลูกไว้ทั้งหมดกว่า 2 ไร่จำนวนทั้งหมด 4 หมื่นกว่าต้นโดยมีพรอพเป็นสะพานไม้ไผ่ที่ทำเป็นทางเดิน มีร่มบ่อสร้าง ให้เช่าถายรูปและทำพรอพมีร่มหรือจ้องลานนากางไว้ กลางไร่ดอกมาเร็ตไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นแลนด์มาร์กจุดเช็คอินของสวน

ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากันเป็นคู่หรือเป็นหมู่คณะก็จะพากันถ่ายรูปเซลฟี่กันอย่างสนุกสนานอย่างเช่นนางสาวทัศนีย์ การปักษ์ อายุ 31 ปี หรือน้องจอย
นักท่องเที่ยวสาวที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานครวันนี้เธอก็จัดเต็มใส่ชุดพื้นเมืองมาเพื่อที่จะถ่ายรูปไว้ไปอวดเพื่อนๆน้องจอยบอกว่าเห็นมีการแชร์ในโซเชียลว่ามีสวนดอกไม้ที่นี้เลยชวนเพื่อนมาซึ่งก็ไม่ผิดหวังดอกมากาเร็ตสวยมากถึงแม้ว่าฝนจะตกก็ตามแต่ก็ยังได้รูปสวยๆและธรรมชาติที่สวยงามไปอวดเพื่อนด้วย

ด้านนางพัชรี เมธาอนันต์กุล อายุ 41 ปี เจ้าของไร่กลิ่นเกสร บอกว่าเดิม เธอปลูกดอกไม้ขายอยู่หมู่บ้านหนองหอย จึงต้องการขยายพื้นที่และหารายได้เสริม จึงได้มาเช่าพื้นที่ด้านล่างก่อนขึ้นดอยม่อนแจ่มปลูกดอกมากาเร็ตเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไกลจึงได้พื้นที่นี้มาปลูกดอกตั้งแต่เดือนกรกฏาคมจนกระทั่งดอกเริ่มบานตอนแรกตั้งใจจะเปิดในวันที่ 1 ตุลาคม นี้แต่ดอกเริ่มบานเต็มไร่จึงเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเป็นวันแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2563 โดยคิดค่าบริการผู้ใหญ่คนละ 40 บาท เด็กคนละ 20 บาท และมีร่มให้เช่าถ่ายรูปคันละ 20 บาท ซึ่งค่าตั๋วนั้นสามารถนำไปเป็นส่วนลดเครื่องดื่มของสวนได้ 5 บาทซึ่งตั้งแต่เปิดมาเมื่อวานมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวแล้วกว่า 500 คนและวันนี้ก็มากันอีกจำนวนมากถึงแม้ว่าฝนจะตกนักท่องเที่ยวก็มานั่งรอคิวเข้าชมสวนและถ่ายรูป


ซึ่งถ้าหากนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจก็สามารถมาเที่ยวชมความงามของดอกมากาเร็ตได้ที่ไร่กลิ่นเกสรโดยเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 6.00น. – 18.00 น.
ส่วนการเดินทางนั้นถ้าหากนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ให้วิ่งมาตามถนนโชตนา-แม่ริม เลี้ยวแยกทุ่งหัวช้าง ขับมาตามเส้นทางเชียงใหม่สะเมิง ขับรถมาประมาณ 5 กม. ไร่กลิ่นเกสรจะอยู่ด้านขวามือ

อช.ศรีลานนาจับมือภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนปลูกป่าคืนพื้นที่ป่าเชียงดาว

อุทยานแห่งชาติศรีลานนาวันที่ 19 กันยายน 2563 อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ร่วมกับหน่วยจัดการต้นน้ำดอยผาแดง หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ชม.5 (ปิงโค้ง)ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึก เทศบาลตำบลปิงโค้ง ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลปิงโค้ง ชาวบ้านบ้านห้วยลึก บ้านใหม่สามัคคี นักเรียนโรงเรียนมิตรมวลชนเชียงใหม่ ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

และผู้บริหารพนักงาน บริษัท อีฟ โรเช่ (ประเทศไทย) รวม 200 คน ร่วมกันดำเนินโครงการ “คุณเปลี่ยนเราปลูก” กิจกรรมปลูกป่าประชาอาสา บริเวณป่าบ้านห้วยลึก ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ในกิจกรรมนี้ ผู้บริหารพนักงาน บริษัท อีฟ โรเช่ (ประเทศไทย) พร้อมด้วย คุณบอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และคุณอเล็กซ์ เรนเดล ร่วมกันปลูกต้นไม้ จำนวน 800 ต้น ได้แก่ ประดู่ สัก หว้า มะขามป้อม และขนุน

ในพื้นที่ป่าประมาณ 4 ไร่ ที่ถูกแผ้วถางเผาป่าซึ่งทางอุทยานแห่งชาติศรีลานนา ได้ทำการตรวจยึดพื้นที่จับกุมผู้กระทำผิดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ชวนเที่ยวงานแขวนโคมแสนดวงที่วัดพระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน

ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน สว่างไสวไปด้วยโคมไฟหลากหลายสีสันถูกแขวนไว้ประดับประดาอยู่บริเวณรอบวัดซึ่งโคมไฟเหล่านี้มาจากประชาชนนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างพากันมาร่วมกันบูชาโคมละ 99 บาท

พร้อมกับเขียนคำอธิฐานขอพรต่างๆเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัวก่อนจะนำไปแขวนเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุเจ้าหริภุญชัยและถวายเพื่อเคารพสักการะพระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งเมืองลำพูนและยังเป็นความเชื่อของชาวล้านนาที่ว่าการทำโคมเป็นการบูชาพระพุทธเจ้าที่ประทับบนสรวงสวรรค์และแสงประทีปจากโคมจะช่วยส่องประกายให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่เย็นเป็นสุข  ซึ่งการจัดงานเทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูนนั้นได้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2563 จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2563 ยังวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร อย่างไรก็ตามเทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูนไม่ได้เป็นแค่เทศกาลท่องเที่ยวที่งดงามแต่ยังแฝงถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นทั้งเรื่องความศรัทธาและขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามตลอดจนเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างแท้จริงอีกด้วย

สำหรับการจัดงานเทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูนนี้เพื่อส่งเสริมประเพณีอันดีงามและการท่องเที่ยวของจังหวัดลำพูนและเป็นส่วนหนึ่งของงานประเพณีลอยกระทง หรือประเพณียี่เป็งที่ปฏิบัติสืบทอดมายาวนานและยังเป็นการถวายเป็นพุทธบูชาพระธาตุหริภุญชัย และถวายสักการะพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งเมืองลำพูน ตลอดจนส่งเสริมประเพณีอันดีงามและยังช่วยกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดลำพูน อีกทั้งเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านความปลอดภัยตามมาตรการควบคุมโรคและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และ

สภาพอากาศ ประจำวันอาทิตย์ ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2563

ร่องมรสุมพัดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ความหย่อมกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ทำให้บริเวณจังหวัดเชียงใหม่มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกบางแห่ง

อุณหภูมิต่ำสุด  24 องศาเซลเชียส อุณหภูมิสูงสุด 29 องศาเซลเชียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ ชม.

เริ่มแล้วงาน Lanna Expo 2020 ครั้งที่ 8 ภายใต้แนวคิด “กินดี อยู่ดี ชีวิตวิถีใหม่”คาดเงินสะพัดกว่า 50 ล้านบาท

ฝนฟ้าอากาศ

รายงานสภาพอากาศวันที่  19 กย.2563  จากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ

 

อช.ศรีลานนาแจ้งความแล้ว หม่อมถนัดแดก ยืนปัสสาวะ อ้างว่าเป็นโซดา


เชียงใหม่ อช.ศรีลาน เข้าแจ้งความกับนายสหัสวรรษ ชิงชัย หรือหม่อมถนัดแดก ยูทูปเบอร์ชื่อดัง 2 ข้อหาหนักหลังทำยืนปัสสาวะบนแพภูเขาลอยน้ำก่อนอ้างเทโซดาลงไปในน้ำหลังมีดร่ามาหนัก ด้านตำรวจเตรียมเรียกหม่อมถนัดแดกมาให้สอบสวน

ความคืบหน้ากรณี นายสหัสวรรษ ชอบชิงชัย อายุ 45 ปี หรือ หม่อมถนัดแดก ยูทูปเบอร์ชื่อดัง ที่พาคณะไปท่องเที่ยวเพื่อรีวิวการทำอาหารที่แพภูเขาลอยน้ำ ในเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และได้โพสต์ภาพยืนหันหลังคล้ายกับการยืนปัสสาวะ ส่วนในน้ำก็มีฟองน้ำ พร้อมเขียนแค๊ปชั่น”พี่ขอระบาย” # เขื่อนแม่งัด#ภูขาลอยน้ำ#เรือนแพ #MountainFlat กระทั่งเกิดกระแสดราม่าในโซเชียลมีเดีย ก่อนที่หม่อมถนัดแดกจะลบโพสต์ดังกล่าวไป เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ได้เรียกหม่อมถนัดแดกมาให้ข้อมูลและชี้แจง ซึ่งหม่อมถนัดแดก อ้างว่า ไม่ได้ปัสสาวะลงไปในน้ำจริง แต่ได้เทดซดาลงไปแทนจึงทำให้เกิดฟอง พร้อมยอมรับผิดและขอโทษสังคม

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 16 กันยายน นายภูพิชิต ช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศีรลานนา ได้เอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท. พุฒิ มนเทียน พนักงานสอบสวน สภ.แม่แตง เพื่อดำเนินคดีกับหม่อมถนัดแดกในข้อหา “ร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆเพื่อหาผลประโยชน์ตามมาตรา 19 (6) และมาตรา 44 ฐานร่วมกันไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ตามมาตรา 20 และมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ 2562

นายภูพิชิต ช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา เปิดเผยว่า หลังเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว ทางตำรวจแจ้งว่า จะเรียกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ พนักงานแพภูเขาลอยน้ำ และเจ้าของกระชังปลาที่หม่อมถนัดแดกไปทำรีวิวไปให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ส่วนหม่อมถนัดแดกได้โทรศัพท์ติดต่อทางอุทยานฯแล้ว และแจ้งว่าหากตำรวจออกหมายเรียก ก็จะเดินทามารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมขอโทษอุทยานฯและผู้ประกอบการเรือนแพ

ด้าน พ.ต.อ.อรุณศักดิ์ บัวประเสริฐยิ่ง ผู้กำกับการ สภ.แม่แตง กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นคดีที่ 453/2563 แล้ว และเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมทั้งออกหมายเรียกหม่อมถนัดแดกมาสอบปากคำ และเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบการกระทำผิดจริงก็จะแจ้งข้อกล่าวหากับหม่อมถนัดแดกต่อไป