เปิดงานโรดโชว์ 6 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน นำผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และสินค้าชุมชนของฝากและอาหารทะเลแปรรูป มาจำหน่ายที่จังหวัดเชียงใหม่ คาดเงินสะพัดกว่า 20 ล้านบาท

เปิดงานโรดโชว์ 6 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน นำผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และสินค้าชุมชนของฝากและอาหารทะเลแปรรูป มาจำหน่ายที่จังหวัดเชียงใหม่ คาดเงินสะพัดกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้ปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าไทยแล้ว 21 ล้านคน ไปเที่ยวต่อภาคใต้ 8 ล้านคน และ เที่ยวเชียงใหม่ มีมากถึง 2 ล้านคน ทำเงินรายได้มากถึง 9 แสนล้านบาท

นาย สันติ ป่าหวาย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดงานโรดโชว์ 6 จังหวัดภาคใต้ ฝั่งอันดามัน ทั้งจังหวัด ตรัง สตูล กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง โดยมีนายชูชีพ ธรรมเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นำผู้ประกอบการ ด้านการท่องเที่ยว และสินค้าชุมชน อาหารทะเลแปรรูป และสินค้าของฝากของที่ระลึก นานาชนิด มาจำหน่าย

เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ มากกว่า 60 บูธ ให้กับพี่น้องชาวเชียงใหม่ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต จนถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2566 ทั้งนี้มีประชาชนชาวเชียงใหม่ ให้ความสนใจเลือกซื้อกันคึกคัก อย่างไรก็ตามคาดว่า จะมีเงินรายได้สู่พี่น้อง 6 จังหวัดฝั่งอันดามัน ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท


นาย สันติ ป่าหวาย หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเผยว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่เมื่อวานนี้ มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางเข้าไทย มากกว่า 80,000 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว จากมาเลเซีย จีน อินเดีย รัสเซีย และเกาหลี ตามลำดับ และปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าไทยแล้ว 21 ล้านคน ในจำนวนนี้ เดินทางไปเที่ยวภาคใต้มากถึง 8 ล้านคน และเดินทางไปเชียงใหม่ มากถึง 2 ล้านคน ทำเงินรายได้มากถึง 9 แสนล้านบาท

สวนสัตว์เชียงใหม่ จัดต้อนรับ น้องต้นคูน และน้องต้นหนาว สองหนุ่มยีราฟและม้าลายจากแดนอีสานสู่ถิ่นล้านนา

สวนสัตว์เชียงใหม่ จัดต้อนรับ น้องต้นคูน และน้องต้นหนาว สองหนุ่มยีราฟและม้าลายจากแดนอีสานสู่ถิ่นล้านนา ส่งมอบความสุขให้กับนักท่องเที่ยวในโซนสัตว์แอฟริกาให้มากขึ้น

วันนี้ (6 ตุลาคม 2566) นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรมต้อนรับยีราฟและม้าลาย สมาชิกใหม่ของสวนสัตว์เชียงใหม่ ที่ได้นำมาจัดแสดงในโซนสัตว์แอฟริกา ในวันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่สวนสัตว์แต่งตัวเป็นเงาป่าซาไก สร้างสีสันให้กับการจัดกิจกรรมด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และคิดว่าเป็นชาวเผ่าจริงๆ มาร่วมงาน ภายในกิจกรรมดังกล่าว ทางผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้มอบขันโตกซึ่งเป็นผักนานาชนิดทั้ง ผักกาดขาว แครอท ถั่วฝักยาว ใบไม้ ซึ่งเป็นอาหารโปรดของยีราฟและม้าลาย ให้กับสมาชิกใหม่

นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เนื่องจากองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ได้ประกาศให้ทุกสวนสัตว์ในสังกัด ปรับราคาบัตรผ่านประตูสวนสัตว์ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นมา สวนสัตว์เชียงใหม่จึงได้เพิ่มความหลากหลายของสัตว์ให้มากยิ่งขึ้น โดยได้ประสานขอความอนุเคราะห์ไปยังสวนสัตว์ขอนแก่นเพื่อส่งมอบยีราฟและม้าลายเพื่อเป็นการส่งมอบความสุขให้กับนักท่องเที่ยว และผู้มาเยือน ในต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สวนสัตว์เชียงใหม่ได้รับยีราฟ ชื่อเดิม น้องแหว่ง หรือ “น้องต้นคูน” (ในปัจจุบัน) เพศผู้ อายุ 6 ปี 1 เดือน จำนวน 1 ตัว และม้าลาย “ต้นหนาว” เพศผู้ อายุ 2 ปี 11 เดือน หลังจากที่ได้มีการกักโรคตรวจเช็คสุขภาพระยะเวลา 10 วัน เป็นที่เรียบร้อย มีทีมสัตวแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด

จากนั้นได้มีการทดลองปล่อยให้ยีราฟและม้าลาย ออกสู่ส่วนจัดแสดง เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในส่วนจัดแสดงและให้ปรับตัวเข้ากับเหล่าบรรดาสัตว์ในส่วนจัดแสดงสัตว์แอฟริกาอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันในโซนสัตว์แอฟริกามีสัตว์ จำนวน 5 ชนิด ประกอบไปด้วย ยีราฟ เพศเมีย ชื่อ “น้องดาว” จำนวน 1 ตัว ,ม้าลาย เพศเมีย 2 ตัว ชื่อ “สายลม” และ “พี่สาว” และยังมีออริกซ์เขาดาบ อีกจำนวน 10 ตัว, อีแลน จำนวน 1 ตัว และ วอเตอร์บัค อีก 1 ตัว อาศัยอยู่ในส่วนจัดแสดงสัตว์แอฟริกา ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถบริการเข้าไปชมสัตว์เหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิดภายในส่วนจัดแสดงแอฟริกา

การนำยีราฟ และม้าลาย เพศผู้ทั้งสองตัวมาจากสวนสัตว์ขอนแก่น นำมาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เนื่องจากยีราฟ และม้าลายเป็นสัตว์ที่นิยมอยู่รวมกันเป็นฝูง ในขณะที่สวนสัตว์เชียงใหม่มียีราฟ เพศเมีย มีอยู่เพียงตัวเดียว ส่วนม้าลาย เพศเมีย จำนวน 2 ตัว ทั้งนี้เพื่อให้เป็นตามพันธกิจหลักของสวนสัตว์ มีหน้าที่ในการอนุรักษ์เพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าหายาก และยังเป็นความร่วมมือแผนจัดการประชากรสัตว์กันระหว่างสวนสัตว์ทั้ง 6 แห่ง ตามพันธกิจและนโยบายคณะกรรมการ/ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย อีกด้วย และพิเศษสุดๆ สำหรับนักท่องเที่ยว 10 ครอบครัวแรก จะได้ป้อนอาหารให้กับสัตว์แอฟริกา เช่น ยีราฟฟรีตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป เริ่ม 6 – 15 ตุลาคม 2566 นี้

ตร.ไซเบอร์-เอไอเอส จับกุมกับแก๊งค์คอลเซนเตอร์ ใจังหวัดชุมพร

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจไซเบอร์ – เอไอเอส เดินหน้า จับกุมแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ต่อเนื่อง ล่าสุด เจอแหล่งกบดานที่ จ.ชุมพร


5 ตุลาคม 2565 : จากการที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัด ขับเคลื่อนนโยบายในการปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยกำหนดให้การลดคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นนโยบายเร่งด่วน และที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร่วมกับ เอไอเอส จับกุมเครือข่าย แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดและตรวจยึดเครื่อง GSM Gateways (Simbox) ซึ่ง เป็นเครื่องมือที่แก็งค์คอลเซ็นเตอร์ใช้ในการกระทำความผิด เขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดชลบุรี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.1 บช.สอท. ได้ทำการสืบสวนขยายผลจนกระทั่งทราบว่ามีการใช้เครื่อง GSM Gateways (Simbox) ในพื้นที่จังหวัดชุมพร

ดังนั้นกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท , พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. สั่งการให้กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำโดย พล.ต.ต.ชัชปัณฑการฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บก.สอท.1 กระจายกำลังลงพื้นที่ทำการสืบสวนจะกระทั่งสืบทราบว่ามีการใช้เครื่อง GSM Gateways (Simbox) ที่ บ้านเลขที่ 4/15 ม.8 ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ซึ่งเป็นห้องเช่าชั้นเดียวและพบสัญญาณที่บ้านพักเรือนไทย เลขที่ 75/2 หมู่ 6 ซอยศูนย์ราชการ5 ถนนเลียบทางรถไฟ ตำบลนาทุ่ง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็น ห้องพักให้เช่ารายเดือน จึงขออนุมัติหมายค้นศาลจังหวัดชุมพร เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ดังกล่าวทั้ง 2 หลัง ดังกล่าว ผลการตรวจค้น พบนายสุจินดา(สงวนนามสกุล) และน.ส.วิภาวณี(สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน แสดงตัวเป็นผู้เช่าห้องพักดังกล่าว และเป็นผู้นำตรวจค้น รวมทั้งหมด 11 จุด ผลการตรวจค้น เบื้องต้นพบ GSM Gateways (Simbox) เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด ระบบ IP-PBX จำนวน 38 เครื่อง, router wifi ชนิดใส่ซิมการ์ดได้ 19 เครื่อง เชิญตัว ผู้ครอบครองของกลางดังกล่าวทั้ง 2 ราย มาที่ สภ.เมืองชุมพร จากนั้นนำตัว พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.1 เพื่อดำเนินการต่อไป

​โดย นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอสกล่าวว่า “การจับกุมมิจฉาชีพแก็งคอลล์เซ็นเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของหน่วยงานความมั่นคงอย่างยิ่ง อีกทั้งเราเองก็มีความภาคภูมิใจอย่างมาในการได้มีโอกาสทำงานร่วมกับภาครัฐ ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งผ่านบริการสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center และให้ความร่วมมือในการประสานงานในการตรวจสอบข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเอไอเอส ยินดีที่จะสนับสนุนภารกิจนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องลูกค้าและประชาชนจากมิจฉาชีพต่อไป”

สำหรับการทำงานของเครื่อง GSM Gateways (Simbox) ที่ตรวจยึดได้นั้นเป็นอุปกรณ์ที่คนร้าย แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ใช้ในการโทรศัพท์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้วแปลงสัญญาณเป็นสัญญาณโทรศัพท์เพื่อโทรออกหลอกลวงหรือข่มขู่ผู้เสียหาย ซึ่งอุปกรณ์ที่ตรวจยึดได้จำนวน 38 เครื่อง มีความสามารถโทรหลอกลวงหรือข่มขู่ ผู้เสียหายได้มากถึงวันละ 608,000 ครั้ง หรือกว่า 18.2 ล้านครั้งต่อเดือน

ซึ่งเมื่อรวมผลการปฏิบัติที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถตรวจยึด GSM Gateways (Simbox) ได้แล้ว จำนวน 240 เครื่อง ซึ่งสามารถระงับยับยั้งการโทรของคนร้ายได้กว่า 115 ล้านครั้งต่อเดือน รวมมูลค่าอุปกรณ์ที่ตรวจยึดได้มีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท อนึ่งจะได้ทำการขยายผลค้นหาขบวนการผู้กระทำผิดและหมายเลขโทรศัพท์เพื่อเชื่อมโยงกับคดีที่ได้รับแจ้งไว้แล้วต่อไป

กงสุลใหญ่จีนประจำเชียงใหม่ขอบคุณไมตรีชาวเหนือ ก่อนเข้ารับตำแหน่งที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย

กงสุลใหญ่จีนประจำเชียงใหม่ขอบคุณไมตรีชาวเหนือ ก่อนเข้ารับตำแหน่งที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย พร้อมส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศจีนและ ภาคเหนือของไทยอย่างต่อเนื่อง

 

วันที่ 17 พ.ค.66 นายอู๋ จื้ออู่ กงสุลใหญ่จีนประจำเชียงใหม่กล่าวว่า เชียงใหม่ไม่ใช่จังหวัดที่แปลกใหม่สำหรับตนเอง โดยตนได้มีโอกาสมาเยือนเชียงใหม่ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2536 ตลอดระยะเวลา 30 ปีต่อจากนั้นมา ได้มีโอกาสเดินทางมาเยือนเชียงใหม่และได้เชยชมความงดงามของ “กุหลาบแห่งภาคเหนือ”นี้บ่อยครั้ง แต่ตอนที่เดินทางมารับตำแหน่งกงสุลใหญ่จีนประจำเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 รู้สึกไม่คุ้นเคยกับถนนที่เงียบเหงาและรถราที่บางตา แม้รู้อยู่ในใจว่ามันเป็นเพราะผลกระทบของโควิด จนกระทั่งได้เห็นป้ายคำขวัญของเทศบาลนครเชียงใหม่ที่เขียนว่า “จีนไทยครอบครัวเดียวกัน ผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน” “ไทยจีนสองแผ่นดิน หัวใจเดียวกัน” ข้อความสั้นๆ ที่จับใจเหล่านี้ บอกกับตนเองว่า ได้มาพำนักอยู่ที่บ้านญาติแล้ว มีพี่น้องอยู่รอบข้าง


ที่ผ่านมาแม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด แต่กิจการงานของเราไม่ได้หยุดยั้ง เราได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในเขตอาณาอย่างแข็งขัน ร่วมมือกับองค์กรและสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงต่างๆ เพื่อริเริ่มจัดการแข่งขันทักษะทางด้านภาษาและวัฒนธรรมจีน หลากหลายรายการ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี


ที่สำคัญได้มีโอกาสในการร่วมกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ของ ท้องถิ่นด้วยความกระตือรือร้นและร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของพลเมือง ชาวจีน ซึ่งเรายังได้ฉลองครบรอบ 30 ปี ของการจัดตั้งสถานกงสุลใหญ่จีนประจำเชียงใหม่ เพื่อย้อนมองอดีต มุ่งสู่อนาคต ขณะที่ตนเองยังได้รับเกียรติได้เป็นคณบดีของคณะกงสุลประจำ เชียงใหม่อีกด้วย


หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดคลี่คลาย ตนเองและคณะได้ลงพื้นที่เยือนทั้ง 12 จังหวัดในเขตอาณา ถึงแม้ว่าจะเป็นการเดินทางที่เร่งรีบ แต่ล้วนแต่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ทำให้สัมผัสได้ถึงความประสงค์อย่างแรงกล้าจากภาคส่วนต่างๆ ในการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือกับประเทศจีน ซึ่งทำให้มีแรงจูงใจในการปฏิบัติภารกิจของตนเองให้ดียิ่งขึ้น
ในครั้งนี้ ขอขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่อบอุ่นและความช่วยเหลืออันล้ำค่าของทุกท่านในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ ช่วงเวลา 2 ปี 10 เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่นานพอที่จะจารึกความทรงจำที่สวยงามและสร้างความผูกพันที่เหนียวแน่น แม้ตนเองจะอำลาตำแหน่งไป จะยังคงส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศจีนและภาคเหนือของไทยต่อไปอย่างไม่ลดละ

อดีตปลัดกระทรวงการคลังมอบเงินสมทบกองทุนมะเร็งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2566 ณ ห้องประชุมสำนักงานอำนวยการ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อ.เมืองเชียงราย

คุณสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง มอบให้ คุณสินีนารถ เองตระกูล (ลูกสาว) เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาค จำนวน 100,000 บาท ให้พญ.อัจฉรา ละอองนวลพานิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อสมทบกองทุนมะเร็งโรงพยาบาล

เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสุขภาพแมวดาวน้อยเพศเมียสองตัว หลังถูกนำใส่ตะกร้ามาทิ้งวัดพบแมวดาวมีอาการอ่อนเพลีย เล็กน้อย ส่วนสุขภาพนั้นแข็งแรงดีสามารถกินอาหารได้ปกติ

ตรวจสุขภาพแมวดาวน้อยเพศเมียสองตัว หลังถูกนำใส่ตะกร้ามาทิ้งวัดพบแมวดาวมีอาการอ่อนเพลีย เล็กน้อย ส่วนสุขภาพนั้นแข็งแรงดีสามารถกินอาหารได้ปกติ
เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสุขภาพแมวดาวน้อยเพศเมียสองตัว หลังถูกนำใส่ตะกร้ามาทิ้งวัดพบแมวดาวมีอาการอ่อนเพลีย เล็กน้อย ส่วนสุขภาพนั้นแข็งแรงดีสามารถกินอาหารได้ปกติ

 

นางสาวรัตนา สาริวงศ์จันทร์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่คลินิกสัตว์ป่า ฝ่ายสุขภาพสัตว์ ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) เข้าตรวจสุขภาพลูกแมวดาวเพศเมีย จำนวน 2 ตัว ที่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติศรีลานนา  อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังจากเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ได้รับแจ้งจากพระอธิการทวี มหิทธิโท เจ้าอาวาสวัดท่ามะเกี๋ยง อำเภอพร้าว พบแมวดาว จำนวน 2 ตัว ถูกคนนำใส่ตะกร้าแล้วนำมาปล่อยทิ้งไว้บริเวณหลังวัดทางอุทยานแห่ชาติศรีลานนา จึงได้ไปรับมาอนุบาลดูแล


ในเบื้องต้น จากการตรวจสุขภาพลูกแมวดาว ทั้ง 2 ตัว พบว่า มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย ทางสัตวแพทย์จึงได้ให้น้ำเกลือ แต่จากการตนวจสุขภาพอย่างละเอียดนั้น

โดยรวมแมวดาวน้อยทั้งสองตัวสุขภาพเเข็งแรงดี สามารถกินอาหารได้ตามปกติ โดยทางสัตว์แพทย์ ได้แนะนำให้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ทำการเก็บข้อมูลการกินของลูกแมวดาวทั้งสองตัวดังกล่าวเพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินความแข็งแรงก่อนวางแผนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

 

 

ประชาสัมพันธ์หลักสูตรฯ งานมหกรรมยางพาราและพืชเศรษฐกิจ EEC 2023

ประชาสัมพันธ์หลักสูตรฯ งานมหกรรมยางพาราและพืชเศรษฐกิจ EEC 2023

ผู้ชวยศาสตราจารย์ ดร.ศิวโรฒ บุญราศรี เข้าร่วมประชาสัมพันธ์หลักสูตรฯ และจัดแสดงนิทรรศการ เพื่อให้บริการวิชาการและแสดงผลงานวิชาการ โดยการนำเสนอแนวทางเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อม และ BCG รวมทั้ง SDGs ในงานมหกรรมยางพาราและพืชเศรษฐกิจ EEC 2023 จังหวัดระยอง   จัดโดยสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย สมาคมนักวิชาการยางและถุงมือยางสถาบันการสร้างชาติ ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ระหว่างวันที่ 22 – 26 กุมภาพันธ์ 2566 ณ สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดระยอง อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง

หลักสูตรฯ สาขาอุตสาหกรรมยางและพอลิเมอร์ชีวภาพ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตทางด้านเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์  ให้เป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และเป็นนักปฏิบัติที่มีคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพ รับ นร. ที่จบสายวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 มาเรียนปริญญาตรี 4 ปี เพื่อเรียนรู้ด้านการเพิ่มมูลค่ายางพาราด้วยการทำเป็นผลิตภัณฑ์ยางชนิดต่าง ๆ  เช่น ยางรถยนต์ ถุงมือยาง นอกจากนี้ยังเรียนเกี่ยวกับพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้เพื่อความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จบแล้วทำงานในหน่วยงานราชการหรือเอกชน ในโรงงานหรือบริษัทการแปรรูปยาง เช่น  ยางล้อรถยนต์ ถุงมือยาง ชิ้นส่วนต่าง ๆ ในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น นักวิจัย วิศวกร ฝ่ายควบคุมการผลิต ฝ่ายควบคุมคุณภาพ ทางสาขาฯ อยากให้น้อง ๆ ม.6 มาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนายางพาราและอุตสาหกรรมยางในประเทศให้ก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งจะเปิดรับสมัครอีกรอบในเดือนมีนาคม พศ.2566  ติตตามได้ทางเว็บไซต์   https://admissions.mju.ac.th/www/

นอกจากนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิวโรฒ บุญราศรี ได้มอบถุงมือผ้าเคลือบยางฟองน้ำซึ่งเป็นนวัตกรรมถุงมือผ้าเคลือบยางแบบใหม่ ให้กับ นายกรัฐมนตรี ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  และ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

 

ศูนย์สวนหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลลานนา จัดงานอบรมวิชาการ เรื่อง “เทคโนโลยีการรักษาโรคทางสมองด้วยการใส่สายสวนหลอดเลือดสมอง” .

ศูนย์สวนหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลลานนา จัดงานอบรมวิชาการ
เรื่อง “เทคโนโลยีการรักษาโรคทางสมองด้วยการใส่สายสวนหลอดเลือดสมอง”

.
โรงพยาบาลลานนา มุ่งสู่การเป็นศูนย์สวนหลอดเลือดสมอง ชั้นนำของจังหวัดเชียงใหม่ รักษาคนเชียงใหม่ ให้ห่างไกลอัมพฤกษ์ อัมพาต ด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและรักษา จัดอบรมวิชาการให้ความรู้ฯ เพิ่มศักยภาพเจ้าหน้าที่พยาบาล


.วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ห้องประชุมใหญ่ โรงพยาบาลลานนา 3 ศูนย์สวนหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลลานนา จัดงานประชุมวิชาการ ในหัวข้อเรื่อง “เทคโนโลยีการรักษาโรคทางสมอง ด้วยการใส่สายสวนหลอดเลือดสมอง” Introduction to interventional neuroradiology วิทยากรบรรยายและให้ความรู้ โดย นพ.ณัฐวรรธ วิฑูรย์ ศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมอง แพทย์รังสีร่วมรักษาทางระบบประสาท จาก ศูนย์สวนหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลลานนา ให้แก่กลุ่มงานวิชาชีพ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลลานนา และโรงพยาบาลลานนา3


.วัตถุประสงค์การจัดอบรมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการให้ความรู้เรื่องของ “เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัย และรักษาผู้ป่วย โรคหลอดเลือดสมอง” ที่สามารถทำได้แล้วใน ณ โรงพยาบาลลานนาในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใส่วัสดุค้ำยันถ่างเส้นเลือดสมองตีบ การฉีดสีเพื่อวินิจฉัยเส้นเลือดสมอง การรักษาเส้นเลือดสมองอุดตันด้วยวิธีลากลิ่มเลือด การรักษาเส้นเลือดสมองเชื่อมต่อผิดปกติด้วยกาวทางการแพทย์ ฯลฯ ซึ่งเทคโนโลยีการรักษาใหม่ๆนี้ ถือเป็นความรู้ใหม่ๆที่น่าสนใจ เจ้าหน้าที่วิชาชีพ ทุกคนต้องมีความรู้ และพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ของโรงพยาบาลลานนาในเคสที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการรับมือผู้ป่วยของ ศูนย์สวนหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลลานนา ต่อไป

.
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke คือ ภาวะสมองขาดเลือด นั้น เกิดจากหลอดเลือดสมอง ตีบ อุดตัน หรือ แตก มีเลือดออกในสมอง ทำให้เซลล์สมองขาดออกซิเจน ส่งผลให้สมองตาย เราต้องรู้จักสังเกตุอาการ ของตนเองและคนรอบข้าง หากมีอาการผิดปกติ ชาหรืออ่อนแรงใบหน้าซีกใดซีกหนึ่ง มุมปากตก ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรงฉับพลัน ฯลฯ ควรรีบมาโรงพยาบาลเพื่อการรักษาอย่างรีบด่วน เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือดสมองที่ดีในปัจจุบัน จะช่วยลดความรุนแรงจากภาวะสมองตาย และรวมถึงลดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจส่งผลให้กลายเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตต่อไปได้ หากมาพบแพทย์ได้ทันเวลา

ม.แม่โจ้ขับเคลื่อน 9 มิติ“ระบบเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อม”ในงานมหกรรมยางพารา ฯ EEC  2023  ที่ จ.ระยอง

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขับเคลื่อน 9 มิติ“ระบบเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อม”ในงานมหกรรมยางพารา ฯ EEC  2023  ที่ จ.ระยอง เพื่อสร้างงาน  สร้างอาชีพ สร้างรายได้สู่ชุมชน  พร้อมชูท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในพื้นที่ EEC

 

ผศ.ดร.สถาพร แสงสุโพธิ์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยบริหารศาสตร์ ม.แม่โจ้  เปิดเผย ถึง การนำแนวทาง“ระบบเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อม”  ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มาขับเคลื่อนภายหลังที่ ม.แม่โจ้  ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพ งานมหกรรมยางพาราและพืชเศรษฐกิจ EEC  2023 จ.ระยองร่วมกับ สมาคมวิชาการและถุงมือยาง  และสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย โดยมี  ดร.อุทัย  สอนหลักทรัพย์  ได้ร่วมยื่นหนังสือ  “ระบบเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อม”  แก่   ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีในโอกาสที่เป็นประธานเปิดงานเพื่อผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติว่าจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทั้ง ในด้านสุขภาพที่ผู้คนต้องเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือที่เรียกว่า NCDs ซึ่งย่อมาจาก Non-Communicable diseases

 

ที่มีปริมาณเพิ่มมากขั้น เช่น เบาหวาน, ไขมัน, ความดัน และมะเร็ง อันเกิดจากฐานการผลิตระบบการเกษตรที่ใช้สารเคมีมากเกินความจำเป็นส่งผลให้อาหารมีการปนเปื้อนกับสารเคมีทำให้อาหารไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและส่งผลร้ายต่อสุขภาพตามมา       จากประเด็นปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นทำให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้สร้างองค์ความรู้เพื่อมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยใช้องค์ความรู้ที่ทำวิจัยคือเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อมโดย มี หลักการ 9 มิติ คือ

1.การเกษตรไร้สารเคมี 2.ผลิตอาหารเพื่อ สุขภาพ 3.สปาสุขภาพเพื่อฟื้นฟูร่างกาย 4.ระบบเศรษฐกิจ ชุมชน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้  5.สร้างสังคมแห่งความสุข 6.สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น และ ประเพณี วัฒนธรรม 7.เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม/ BCG  8.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 9.ศูนย์วิจัยพัฒนา และศูนย์เรียนรู้ ด้านเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อม  มาเพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ ทั้งทางด้านการเกษตร  ด้านสุขภาพ  และด้านสิ่งแวดล้อม

ตอนนี้เราก็มีการขยายไปยังหลายพื้นที่ ตอนนี้พื้นที่ที่เรากำลังจะขยายไป ก็พื้นที่หนึ่ง ก็อยู่ในพื้นที่ของภาคตะวันออกเขียงเหนือที่ จังหวัดนครพนม จังหวัดหนองคาย จังหวัดสกลนคร อันนี้ก็เป็นพื้นที่หนึ่งที่เราจะต้องขยายออกไป ในส่วนที่สองล้านนาตะวันออก จังหวัดแพร่ น่าน พะเยา ส่วนภาคตะวันออกตอนนี้ที่เราขยายไปก็จะมีจังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี ส่วนในเชียงใหม่นี้มีหลายจุด อีกจุดหนึ่งที่เรากำลังพัฒนาอยู่ที่ ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ และรวมทั้งมีอีกหลายที่ที่เสนอเข้ามา ซึ่งเราก็จะทำการฝึกอบรมแล้วก็ขยายผลต่างๆ นี้ไปยังชุมชน สังคมต่าง ๆ แล้วตอนนี้อีกประเด็นหนึ่งที่เราจะทำการเผยแพร่ก็คือแห่งชาติศรีลานนา อุทยาน อันนี้ก็จะเป็นหมู่บ้านห้วยราชบุตร ที่เรากำลังจะนำองค์ความรู้นี้ไปเผยแพร่ เพราะว่าเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีสุ่มเสี่ยงเรื่องหมอกควันไฟป่า รวมทั้งโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ที่เราจะทำให้เกิดการพัฒนาในเรื่องของการเกษตรที่ไร้สารเคมี การนำเอาวัตถุดิบที่เราเผา เอามาแก้ปัญหาในเรื่องของสิ่งแวดล้อม และเราก็กำลังจะขยายไปในกลุ่มของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศลาวตอนนี้ เราก็จะมีสองที่ขยายออกไป คือที่หลวงพระบางกับที่เวียงจันทน์     ระบบเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นระบบที่สามารถที่จะเกื้อกูลกันในเรื่องของมิติในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งตอนนี้เองเราก็ได้นำเอาในส่วนของอีกสองประเด็นหลั กๆ ที่เข้ามาร่วมในเรื่องของ BCG ซึ่ง BCG นี้พูดถึงระบบเศรษฐกิจสีเขียว ระบบหมุนเวียนต่าง ๆ ก็จะสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมที่เราได้เอาสิ่งที่เหลือใช้ต่าง ๆ เข้ามาหมุนเวียนมาใช้ในระบบสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อมของเรา รวมทั้งก็จะก้าวข้ามไปสู่ในเรื่องของ SDG Model พูดถึงความมั่นคงของชีวิต ในเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อม ตัว BCG Model เอง และ SDGs. Model เอง ก็จะเป็นมิติสามส่วนที่ร่วมผนึกกำลังกันเพื่อให้เกิดการพัฒนาได้อย่างแบบองค์รวม เพราะว่าเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อมนี้ไม่สามารถที่อยู่ได้ด้วยตัวของโดยระบบเองได้ก็คงจะต้องใช้ตัวระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศที่ประเทศได้กำหนดเอาไว้แล้วเอามาช่วยในการขับเคลื่อน ซึ่งตัว BCG เอง ปัจจุบันนี้รัฐบาลก็กำลังขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องรวมไปถึง SDG.Model ซึ่งเป็นเป้าหมายของสหประชาชาติ อันนี้สุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อมของเราก็มีบทบาทที่สำคัญที่จะช่วยให้ในส่วนของ BCG และ SDGs สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้

ทางด้าน ผศ.ดร.สุริยจรัส เตชะตันมีสกุล  คณบดีวิทยาลัยบริหารศาสตร์ ม.แม่โจ้    ได้เปิดเผยนโยบายถึงการนำแนว ระบบเกษตรสุขภาพและสิ่งแวดล้อม  โดยแม่โจ้เป็นสถาบันการศึกษาที่มีความพร้อมในการถ่ายทอดระบบดังกล่าวและมีนโยบาย พัฒนาโครงสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง พร้อมขับเคลื่อนไปสู่การสร้างงาน  สร้างอาชีพ สู่ชุมชน

“ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้นำระบบ “เกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อม” มาใช้ในการแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างความมั่นคง ทางด้าน อาหาร โดยอาหารที่ผลิตขึ้นต้องเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ และต้องมีปริมาณเพียงต่อความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งการผลิตต้องไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งการเผาป่าจนก่อให้เกิดปัญหาทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และเกิดหมอกควันที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ รวมทั้งระบบเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งแปรผันโดยตรงส่งผลทำให้อาหารมีราคาแพงเพิ่มขึ้น เรื่อย ๆ ส่งผลพวงให้เกิดปัญหาด้าน อื่นๆ เช่น ภาวะโรคติดต่อ และเกิดปัญหาการว่างงานการว่างงานตามมา

  “นโยบายเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อม ก็เป็นเรื่องที่สำคัญของมิติของการพัฒนา เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติเลย เนื่องจากว่าผลกระทบสู่ภายนอก การผลิต การบริโภค และการจำหน่ายจ่ายแจก หรือกิจกรรมของมนุษย์ทั้งหมด ล้วนแต่ที่ใช้ทรัพยากร เพราะฉะนั้นการใช้ทรัพยากรมันมีผลกระทบในเรื่องดุลยภาพในหลาย ๆ เรื่อง หรือมีผลกระทบด้านอื่นในหลายๆ เรื่อง เพราะฉะนั้นในการพัฒนา มติในการพัฒนายั่งยืนจึงให้ความสำคัญกับเรื่องของสิ่งแวดล้อม เรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ เรื่องของทุนธรรมชาติ ที่นี้ในวิทยาลัยบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เราสอนเกี่ยวกับเรื่องการบริหารสาธารณะ การบริหารสาธารณะคือการทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ เราก็มีหลายภาพส่วนที่ไปเกี่ยวข้องกับการทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ โดยเฉพาะภาครัฐ รัฐถือว่าเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในการทำประโยชน์สาธารณะ ส่วนที่สองเดี๋ยวนี้เอกชนเองเค้าก็หักมาทำกิจกรรมประโยชน์เพื่อสาธารณะ โดยเฉพาะเรื่องกิจกรรม CSR. หรือ ธุรกิจเพื่อสังคมอันนี้ก็เกี่ยวข้องกับคนหมู่มากสาธารณะ และอีกภาคหนึ่งที่สำคัญคือภาคประชาสังคม ภาคชาวบ้านเองก็มีส่วนร่วมที่จะทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ เพราะฉะนั้นในมิติของการสอนบริหารสาธารณะ มีสอนอยู่ 2 เรื่องก็คือเรื่องของการพัฒนาระบบบริหารองค์กรสาธารณะให้มีความแข็งแรง แล้วองค์กรสาธารณะเหล่านี้ก็ไปทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ ในมิติของการบริหารการพัฒนา เพราะฉะนั้นนโยบายในการบริหารการพัฒนาโลก เค้ามองอยู่ 2 กระแสหลักก็คือ หนึ่งกระแสก็คือพูดถึงความก้าวหน้า ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ก็คือต้องใช้ทรัพยากร โดยใช้ทรัพยากรของโลก เพราะฉะนั้นการใช้ทรัพยากรของโลกเยอะมากขึ้น หรือมนุษย์อยู่ในโลกของทุนนิยม อยู่ในโลกของการบริโภคมากขึ้น ผลกระทบก็มีมากมายตั้งแต่ระดับสังคม ระดับชุมชน ระดับบุคคลเลย โดยเฉพาะเรื่องของสุขภาพระดับบุคคล เรื่องของสุขภาพเรียกว่าโรคติดต่อ ไม่ติดต่อร้ายแรงที่เรารู้จัก ความดัน เบาหวาน พวกโรคมะเร็งอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ก็ถือว่าเป็นภัยทางสาธารณะอย่างหนึ่ง หรือแม้กระทั่งเรื่องของสิ่งแวดล้อมก็เหมือนกัน ทีนี้เพื่อจะปรับระบบการผลิตให้จะตอบสนองความต้องการของทุนนิยม  ที่ต้องใช้ทรัพยากรสนองคนหมู่มาก ก็ต้องเร่งการผลิต ก็ใช้สารเคมี เพราะฉะนั้นเกษตรก็เป็นเกษตรสารเคมี อะไรอย่างนี้เพราะฉะนั้นผลกระทบที่ผมพูดทั้งหมดก็เป็นผลกระทบสู่ภายนอกที่เป็นเป็นลบ   ดังนั้นวิทยาลัยบริหารศาสตร์เองสอนเกี่ยวกับเรื่องนโยบายสาธารณะ สอนเกี่ยวกับเรื่องการบริหารการพัฒนา เพราะฉะนั้นผมจึงมีนโยบายที่สำคัญก็คือว่าจะทำอย่างไรเราจะบูรณาการภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะภาครัฐ เอกชน ประชาคม ชาวบ้าน ชุมชนให้มามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนตัวนโยบายสาธารณะ ในเรื่องของเกษตร อาหารและสุขภาพ ก็มีนโยบายให้ทางฝั่งของวิจัยและบริการวิชาการไปทำต้นแบบหรือที่เรียกว่า Social Lab แล้วก็เป็นแหล่งฝึกให้แก่นักศึกษาของเราในระดับปริญญาโท ปริญญาเอกให้เรียนรู้ถึงนโยบายเหล่านี้ เพราะฉะนั้นเนี่ยก็ส่วนหนึ่งก็เป็นการตอบสนองนโยบายการพัฒนาระดับโลก ระดับประเทศ และระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาลัยแม่โจ้เองก็เป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นเรื่องของการเกษตร เรื่องของอาหารและสุขภาพ ซึ่งก็มองในเรื่องของเกษตรอินทรีย์เป็นหลัก นโยบายเกษตร อาหารและสุขภาพที่เรามีต้นแบบในรูปธรรมในการทำระดับชุมชน ผมคิดว่ามันสามารถที่จะไปบรรเทาปัญหาหมอกควันของประเทศได้ โดยเฉพาะภาคเหนือที่มีวัตถุดิบ โดยเฉพาะเรื่องใบไม้ เศษไม้อะไรต่าง ๆ เพราะว่าศูนย์ของเรานี้มีเรื่องเกษตร เกษตรคือเราใช้วัตถุดิบที่เป็นท้องถิ่น ใบไม้ เศษไม้ต่าง ๆ มาทำเป็นปุ๋ย และมีนวัตกรรมที่นักวิชาการเราลงไปทำ ผมคิดว่าถ้าสามารถขยายวงกว้างในระดับพื้นที่ครอบคลุมหลาย ๆ ที่เพราะฉะนั้นเศษไม้ ใบไม้อะไรต่าง ๆ ที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการเผานี้นะครับ ผมคิดว่าน่าจะทำมาเป็นระบบเรื่องของ Input หรือปัจจัย ทางเข้าคือปุ๋ย แล้วก็คิดว่าตรงนั้นมันทำให้เกิด ถ้ามองในเชิงหลักการทางวิทยาศาสตร์ก็คือว่า เมื่อต้นเชื้อเพลิงมันลดลงนะครับ ผมคิดว่าเรื่องโอกาสในการเผาหรือการเกิดไฟผมคิดว่ามันน่าจะลดลงนะครับ แต่อย่างไรก็แล้วแต่นะครับถ้าจะเกิดผลสัมฤทธิ์หรือมีประสิทธิผลได้มันจะต้องทำครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ที่เป็นพื้นที่เป้าหมายหรือพื้นที่ที่เป็นปัญหาและพื้นที่ที่มีความต้องการในลักษณะนี้ครับ”


สำหรับพื้นที่  จ.ระยอง  เมืองท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของประเทศไทย ในเขต EEC  โดยทางม.แม่โจ้ได้มีเครือข่ายเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อม  3 แห่ง คือ  1.สวนหอมมีสุข ต.กระเฉด  อ.เมืองระยอง จ.ระยอง   2.ชมรมจิตอาสาราชประชาสมาสัย อ.เมืองระยอง  3.หาดแสงจันทร์รีสอร์ท ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง  ซึ่งจะได้มีแผนการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นมหาวิทยาลัยแรกที่มีความพร้อมที่ได้นำองค์ความรู้ด้านเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อมไปใช้ในการพัฒนาพื้นที่สร้างต้นแบบแห่งการเรียนรู้และปฏิบัติจริงเกิดผลสัมฤทธิ์แล้ว  รวมทั้งจะได้นำการวิจัยและพัฒนาตลอดจนองค์ความรู้ต่าง ๆ โดยมีศูนย์การเรียนรู้พร้อมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ในด้านเกษตรสุขภาพรักษ์สิ่งแวดล้อมขยายผลสู่พี่น้องประชาชนและผู้ที่สนใจ ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ก้าวสำคัญของแนวนโยบายมหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่จะได้ขับเคลื่อนให้เป็นวาระแห่งชาติเพื่อนำแนวทางดังกล่าวไป ขยายผลสู่การพัฒนา ชุมชน, ท้องถิ่น และในระดับประเทศให้ครอบคลุมช่วยแก้ไขปัญหา เกิดความยั่งยืนในชีวิตต่อไป

ห้ามพลาดเทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก(Eastern Lanna Coffee & Tea Festival)

สายกาแฟและชา ห้ามพลาด!!!

เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival)
วันที่ 17 – 19 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ ที่ เชียงรายไนท์บาซาร์ : Chiang Rai Night Bazaar ตั้งแต่เวลา 11:00 น. -21:00 น. ในงานมีผู้ประกอบการด้านชา-กาแฟ ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 กว่า 40 ร้านค้า
17 ก.พ. 66 กิจกรรมการสาธิตชงและชิมเครื่องดื่มสร้างสรรค์จากผู้ชนะการประกวด Amazing Thailand Drink Season II, การสาธิต Preparing “Vegan Food and Tea for Sustainable Health” การพูดคุยเกี่ยวกับเส้นทางท่องเที่ยวชาและกาแฟ ร่วมรับฟัง Roaster Talk “เรื่องเล่าจากเมล็ดกาแฟ” และนิทรรศการเกี่ยวกับชาและกาแฟหลายหลายนิทรรศการ

นอกจากนั้นแล้วยังมีการประกวดอีกถึง 5 รายการ
🚩 การแข่งขันเครื่องดื่มกาแฟและชา ล้านนาตะวันออก Amazing Thailand Drink Season II การสร้างสรรค์เครื่องดื่มจากกาแฟและชาแห่งล้านนาตะวันออก หัวข้อ “Drink of Love” สำหรับใครอยากลองชิมเมนูแห่งความรักนี้ จากผู้ที่ชนะการประกวด มาชิมได้เลยในงานวันที่ 17 ก.พ. 66
🚩 การประกวดแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพภายใต้แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน หัวข้อ “เปิดฟาร์มตามฝัน จากไร่กาแฟ สู่แหล่งท่องเที่ยวสุดฟิน” และ การประกวดแหล่งผลิตชาคุณภาพภายใต้แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน หัวข้อ “เปิดไร่ชา สู่การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ” สามารถมาชมนิทรรศการของผู้ชนะการประกวดได้ตลอดการจัดงาน
🚩การประกวด Campaign ของผู้ประกอบการร้านชาหรือกาแฟ ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 “แคมเปญส่งเสริมการตลาด เทศกาลกาแฟและชา ล้านนาตะวันออก” ที่ให้ผู้ประกอบการได้ร่วมแคมเปญการตลาด ส่งเสริมการขายชาและกาแฟ ในร้านอาหารเครื่องดื่มของคุณให้น่าสนใจ
🚩และสุดท้าย การแข่งขันชงกาแฟ (บาริสต้า) ประเภท Latte Art มาร่วมชมและเชียร์กันได้ ในวันที่ 18 – 19 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 17.00 – 20.00 น. ณ เชียงรายไนท์บาซาร์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

อัพเดทข่าวสารการจัดงานได้ที่ Facebook Fanpage : Chiang rai Tea & Coffee Month
#EasternLannaCoffee&TeaFestival2023
#ChiangRaiTea&CoffeeMonth