25 พฤศจิกายน 2563, โรงแรมเวียงอินทร์ จังหวัดเชียงราย
ดร.ปรเมธี วิมลศิริ ประธานกรรมการมูลนิธิพัฒนาไท ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นประธานประชุมเชิงปฎิบัติการ “รวมพลังวุฒิอาสาธนาคารสมองภาคเหนือ ขับเคลื่อนการพัฒฯประเทศบนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
แสดงความยินดีกับ ผศ.ดร.ภญ.รัตติรส คนการณ์ หรือ ดร.ออย วุฒิอาสาธนาคารสมองจังหวัดเชียงราย ที่ไปคว้า
2 เหรียญทองจากการเข้าประกวดผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมดีเด่นจากทวีปยุโรปเมื่อเดือนพฤษภาคม
3 รางวัล ได้แก่เหรียญทองนวัตกรรมดีเด่น ผลงานวิจัยดีเด่น และนักวิจัยหญิงดีเด่น จากการประกวดนวัตกรรมที่ประเทศแคนาดา เมื่อเดือนสิงหาคม
และรางวัลเหรียญทองแดงที่ประเทศเกาหลี ในเดือนกันยาที่ผ่านมา
ผลงานจากนวัตกรรมเหรียญทองแรก ดร.ออยสามารถพัฒนาครีมนวดแก้ปวดจากสมุนไพร ด้วยระบบนาโนเทคโนโลยี ทำให้สารอกฤทธ์จากสมุนไพรซึมลึกและออกฤทธ์อย่างยาวนาน มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาอาการปวดเมื่อยได้ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ เมื่อทาแล้วจะรู้สึกถึงความเย็น หลังจากนั้นจะค่อยๆร้อนขึ้น เพื่อรักษาอาการปวดอย่างต่อเนื่อง เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่ได้รับการยกระดับเท่าเทียมกับมาตรฐานสากล ซึ่งสามารถสู้ได้กับผลิตภัณฑ์จากตะวันตกผลงานจากนวัตกรรมเหรียญทองที่สอง ดร.ออยสามารถทำให้ขมิ้นชันละลายน้ำได้มากที่สุดในโลกกว่า 40,000 เท่า เมื่อชมิ้นชันละลายน้ำได้มาก ก็สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้มาก มีผลทำให้รักษาอาการจากโรคต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นวัตกรรมล่าสุดที่ไปคว้ารางวัลที่ประเทศเกาหลี คือสมุนไพรเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต้านเชื้อไวรัสต่างๆ ซึ่งเหมาะสำหรับสถานการร์ปัจจุบันที่มนุษย์เราต้องเผชิญกับอันตรายรอบด้านเช่นไวรัสโควิด19 ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพจากการผสมผสานอย่างลงตัวของสมุนไพรไทยและนวัตกรรมนาโนเทคโนโลยี ที่ไม่ใช่แค่ผู้บริโภคที่ได้รับประโยชน์ แต่ยังลงไปถึงต้นน้ำคือเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร ไปจนถึงผู้ประกอบการต่างๆ และผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยที่สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกไปสู่ตลาดโลกได้ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้ได้รับการยื่นขอรับสิทธิบัตร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผศ.ดร.ภญ.รัตติรส คนการณ์ หรือ ดร.ออย ปัจุบันเป็นอาจารย์และนักวิจัย อยู่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และเป็นนักเรียนทุนจนจบตรี โท เอกที่คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากนั้นได้รับทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศเนเธอแลนด์ ฝรั่งเศษ และออสเตรีย รวมเวลาทั้งหมด 4 ปี ก่อนกลับมาเป็นอาจารย์ประจำและนักวิจัยที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่