วันที่ 19 ต.ค.2563 เวลาประมาณ 16.00 น. สภ.แม่ริมฯโดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.มาโนช สุดสวาสดิ์ ผกก.สภ.แม่ริมฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมประกอบด้วย พ.ต.ท.จักรินทร์ อัสดงพงพนา รองผกก.สส. พ.ต.ท.ธนัตถ์ นันศิริ สว.สส.ฯ ร.ต.อ.ชาตพล มั่งมูล รองสว.สส.ร.ต.อ.ไพฑูรย์ เชตะวัน รองสว.สส. ร.ต.ต.อุดร หวลหงษ์ ร.ต.ต.ทนงศักดิ์ สะอาดเอี่ยม ด.ต.บัญชา เปี่ยมบริบูรณ์ พร้อมพวก
นำกำลังเข้าจับกุมนายนายกีฏะหรือแบงค์ กันสุยะ อายุ 29 ปี ภายในบ้านพักเลขที่ 47/2 หมู่5 บ้านหัวฝาย ตำบลห้วยทราย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟสีดำหมายเลขทะเบียน 2 กฆ- 9042 เชียงใหม่ /พระเลี่ยมทอง จำนวน 1 องค์ 3. รองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินจำนวน 1 คู่ / แมสปิดปากสีดำ จำนวน 1 อัน /เงินสด 1 พันบาท/.แว่นกันแดด จำนวน 1 อัน และกระเป๋าสะพายข้างสีดำ จำนวน 1 ใบ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ตค.63 เวลา 11.30 น. พ.ต.ท. เจริญ ชัยประพันธ์ สว.สอบสวน สภ.แม่ริมได้รับแจ้งเหตุจากนางประยูร รัตนสกุล อายุ 58 ปี ว่าถูกคนร้ายเป็นชายขี่รถจักรยานยนต์ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำ 1 บาทพร้อมพระเหลี่ยมทอง 1 องค์ ไป เหตุเกิด ที่บริเวณ ถนนบ้านน้ำงาม ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งพนักงานสอบสวนพร้อมชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนนางประยูร รัตนกุล อายุ 58 ปี ผู้เสียหายและเป็นภรรยาของตำรวจ สังกัด สภ.แม่ริม ให้การว่าตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปทำผมที่ร้านเสริมสวยมาเมื่อทำผมเสร็จจะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก ขณะมาถึงซอยบ้านน้ำงามจะเลี้ยวซ้ายกลับบ้านนั้น ในระหว่างนั้นก็มีคนร้ายเป็นชายขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ สีดำ ผู้เสียหายจำได้เพียง 9042 เชียงใหม่ ขับตามประกบแล้วกระชากหรือดึงสร้อยพร้อมพระเลี่ยมทองไป
หลังเกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่หาเบาะแสและตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง กระทั่งพบว่าผู้ต้องหารายนี้นายกีฏะหรือแบงค์ กันสุยะ อายุ 29 ปี จึงนำกำลังเข้าจับกุม ภายในบ้านพัก
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ลงมือก่อเหตุกระชากสร้อยของนางประยูรจริง เนื่องจากตนตกงานไม่มีงานทำ จึงได้นำรถจักรยานยนต์ของแฟนสาวที่พักอยู่ในอำเภอแม่แตงมาขี่ตระเวนก่อเหตุที่ผ่านมาเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาประมาณ 5-6 ครั้งแล้ว โดยจะนำสร้อยไปฝากร้านขายมือถือและแลกมือถือที่จำนำไว้ย่านถนนนช้างเผือกซอยสี่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง
ซึ่งตนอ้างกับเจ้าของร้านว่า ไม่มีโทรศัพท์ใช้ทางร้านจึงให้เงินสดส่วนต่างมาอีก
4000 บาท ก่อนะที่รอบสองจะไปบอกกับทางร้านว่าขอขายขาดเนื่องจากเป็นทองของภรรยา ไม่มีเงินใช้จึงได้เงินมาใช้อีก 6000 บาท ส่วนพระเหลี่ยมทองก็นำมาแขวนใส่กับสร้อยเงิน ส่วนเงินที่ได้มาจากการขายทองนั้นตนได้นำไปใช้จ่ายและซื้อยาเสพติดมาเสพกระทั่งมาถูกจับกุมได้
เบื้องต้นตำรวจตั้ง ข้อหาเป็นบุคคลตามหมายจับซึ่งต้องหาว่า”วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมฯ,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย”
ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ริม ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป