รอบบ้านรอบเมือง » รวบป้ามหาภัยจ้างวานสัปเหร่อฆ่าคนเร่ร่อนทิ้งศพใต้สะพาน หวังเงินฌาปนกิจ ขณะเจ้าตัวปฏิเสธ อ้างถูกผู้ตายนินทากล่าวหาว่าเป็นกิ๊ก จึงจ้างสัปเหร่อไปสั่งสอนใหัหยุดพูด ปัดไม่เกี่ยวกับเงินฌาปนกิจก้อนโต ส่วนสัปเหร่อรับ ได้ค่าจ้าง 4 หมื่นบาท

รวบป้ามหาภัยจ้างวานสัปเหร่อฆ่าคนเร่ร่อนทิ้งศพใต้สะพาน หวังเงินฌาปนกิจ ขณะเจ้าตัวปฏิเสธ อ้างถูกผู้ตายนินทากล่าวหาว่าเป็นกิ๊ก จึงจ้างสัปเหร่อไปสั่งสอนใหัหยุดพูด ปัดไม่เกี่ยวกับเงินฌาปนกิจก้อนโต ส่วนสัปเหร่อรับ ได้ค่าจ้าง 4 หมื่นบาท

10 ตุลาคม 2020
1028   0

Spread the love

 

 


ความคืบหน้าคดีที่นายอนันต์ ดวงมาลัย อายุ 58 ปี ชายเร่ร่อน ถูกคนร้ายฆ่าและทิ้งศพไว้ในพงหญ้าใต้สะพานข้ามแม่น้ำปิง -สบแฝก บ้านซาง ตำบลขี้เหล็ก อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดที่นายอนันต์ใช้เป็นที่พักอาศัย สภาพศพถูกของมีคมฟันเข้าที่ศีรษะ และใบหน้ากว่า 10 แผล โดยมีชาวบ้านมาพบศพเมื่อช่วบ่ายวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุชุดสืบสวน สภ.แม่ริม ได้ลงพื้นที่เพื่อสืบสวนหาเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยมุ่งปมไปที่มีการนำชื่อนายอนันต์ ผู้ตายไปเข้ากลุ่มฌาปกิจสงเคราะห์ มากกว่า 5 กลุ่ม หากเสียชีวิตจะได้รับเงินหลายแสนบาท ซึ่งชื่อผู้รับผลประโยชน์ไม่ใช้ญาติของนายอนันต์

 


เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนถึงผู้เกี่ยวข้องที่นำชื่อนายอนันต์ไปเข้ากลุ่มฌาปนกิจ กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับนางบัวลอย ทะลา อายุ 61 ปี ชาวบ้านบ้านซาง ตำบลขี้เหล็ก อำเภอแม่ริม ผู้จ้างวาน และนายปั๋นแก้ว ขันแก้ว อายุ 48 ปี สัปเหร่อของหมู่บ้านห้วยน้ำริน ตำบลขี้เหล็ก อำเภอแม่ริม คนร้ายที่ลงมือฆ่า ไว้ได้
ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ ( 9 ตุลาคม) ตำรวจ สภ.แม่ริม ได้นำตัวทั้งสองมาสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 โดยมี พ.ต.อ.วิวัฒน์ชัย พงศ์วิวัฒน์ชัย รองผู้บังคับการสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 สอบปากคำด้วยตัวเอง

 


เบื้องต้นนายปั๋นแก้ว ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายบัวลอย ให้ไปฆ่านายอนันต์ โดยนางบัวลอยได้ติดต่อมาพูดคุยนานกว่า 1 เดือนแล้ว แต่ตนเองยังไม่ได้ลงมือ ทำให้นางบัวลอยโทรมาหาแทบทุกวัน กระทั่งวันเกิดเหตุไปดื่มสุรามาจนเมา จึงเดินทางไปหาผู้ตายที่ใต้สะพานช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 4 ตุลาคม และใช้มีดกระหน่ำฟันผู้ตาย แต่ผู้ตายต่อสู้ขัดขืนจนถูกตนเองฟันไปหลายแผลก่อนจะเสียชีวิต จากนั้นจึงกลับไปยังบ้านพักและอาบน้ำ ก่อนจะโทรไปแจ้งให้นางบัวลอยทราบว่า ทำงานสำเร็จแล้วพร้อมทวงเงินค่าจ้าง 4 หมื่นบาทจากนางบัวลอย
ส่วนนางบัวลอย ได้ให้การภาคเสธ ว่าไม่ได้จ้างวานให้นายปั๋นแก้วไปฆ่านายอนันต์แต่อย่างใด แค่พูดเล่นๆว่า ให้นายปั๋นแก้วไปช่วยสั่งสอนนายอนันต์แล้วจะให้เงิน 4 หมื่นบาทเป็นค่าตอบแทน ส่วนสาเหตุที่เจ็บแค้นนายอนันต์ เพราะไปนินทาตนเองกับชาวบ้านว่าเป็นกิ๊กกัน เคยพาตนเองไปนอนค้างบังกะโล และตนเองได้ตกเป็นภรรยาของนายอนันต์แล้ว จนทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง ครอบครัวได้รับความอับอาย ถูกชาวบ้านนินทา
นางบัวลอย ยืนยันว่า ไม่ได้จ้างวานนายปั๋นแก้วไปฆ่า แค่บอกให้ช่วยไปสั่งสอนให้หยุดพูดนินทาตนเอง แล้วพูดเล่นว่าจะให้เงิน 3- 4 หมื่นบาทหากนายปั๋นแก้วไปจัดการให้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่ตนเองนำชื่อนายอนันต์ เข้ากลุ่มเงินฌาปนกิจแต่อย่างใด เพราะเงินไม่ได้มากมายอะไรแค่ 9 หมื่นบาทเท่านั้น เรื่องเงินจึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ด้าน พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจได้ตั้งประเด็นการเสียชีวิตของนายอนันต์ เป็นการดื่มสุราและทะเลาะวิวาท แต่เมื่อสืบสวนเชิงลึกพบว่าผู้ตายไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกับใคร จึงมุ่งประเด็นใหม่คือการที่มีคนในหมู่บ้านหลายคนนำชื่อนายอนันต์ไปเข้ากลุ่มสมาชิกฌาปนกิจศพ
กระทั่งสามารถจับนางบัวลอย ทะลา อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่นำชื่อของนายอนันต์ไปเข้ากลุ่มฌาปกิจ โดยระบุผู้รับผลประโยชน์เป็นตนเอง และจับกุมนายปั๋นแก้ว คนร้ายที่ลงมือฆ่านายอนันต์ โดยเบื้องต้นนางบัวลอยยังคงให้การภาคเสธ แต่รับว่า ได้บอกให้นายปั๋นแก้วไปสั่งสอนนายอนันต์เท่านั้น แต่นายปั๋นแก้ว รับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนางบัวลอยจำนวน 4 หมื่นบาทให้ฆ่านายอนันต์
ขณะเดียวกันจากการสอบสวนเชิงลึกยังพบว่า นางบัวลอย ได้นำชื่อบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติเข้ากลุ่มสมาชิกฌาปกิจหลายกลุ่ม โดยมีนางบัวลอยเป็นผู้รับผลประโยชน์ และก่อนหน้านี้มีผู้เสียชีวิตไป 2 คนด้วย เจ้าหน้าที่ตรียมขยายผลตรวจสอบย้อนหลังว่า ทั้งสองคนเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร ขณะเดียวกันก็จะเรียกสอบภรรยาเก่าของนายอนันต์ด้วย เพราะทราบว่า ได้ร่วมกับนางบัวลอยนำชื่อนายอนันต์ไปเข้ากลุ่มฌาปนิกิจด้วยเช่นกัน
หลังสอบปากคำ นางบัวลอย ถูกตั้งข้อหาเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนนายปั๋นแก้ว ถูกข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และในช่วงบ่ายวันนี้ ตำรวจ สภ.แม่ริม จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุต่อไป