รอบบ้านรอบเมือง » อช.ศรีลานนา เอาจริง ออกตรวจลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ พบการบุกรุกแผ้วถางขยายพื้นที่ทำกินจากที่ได้แจ้งสำรวจตาม มาตรา 64 พรบ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ ดำเนินคดีทันที

อช.ศรีลานนา เอาจริง ออกตรวจลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ พบการบุกรุกแผ้วถางขยายพื้นที่ทำกินจากที่ได้แจ้งสำรวจตาม มาตรา 64 พรบ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ ดำเนินคดีทันที

5 พฤษภาคม 2021
506   0

Spread the love

อช.ศรีลานนา เอาจริง ออกตรวจลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ พบการบุกรุกแผ้วถางขยายพื้นที่ทำกินจากที่ได้แจ้งสำรวจตาม มาตรา 64 พรบ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ ดำเนินคดีทันที


เมื่อวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2564 อุทยานแห่งชาติศรีลานนา โดยหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ที่ ศล.2 (ปางมะเยา), หน่วยฯ ศล.1 (แม่แพง-ม่อนหินไหล), หน่วยฯ ศล.3 (บ้านออน), หน่วยฯ ศล.4 (ห้วยส้าน), หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ชม.5 (ปิงโค้ง) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ม.5 (กองกำลังผาเมือง) สนธิกำลังออกตรวจลาดตระเวนป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างเข้มข้น ตามนโยบายของ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16


โดยวันนี้ 5 พฤษภาคม 2564 เจ้าหน้าที่ นำโดย นายณัฐกุล ขันทะสอน นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์และจัดการทรัพยากร ร่วมกันออกตรวจลาดตระเวนโดยใช้รูปแบบการลาดตระเวนระบบ (SMART PATROL) ตรวจสอบแนวเขตควบคุมพื้นที่ทำกินของราษฎร ที่ได้แจ้งสิทธิทำกินตามมาตรา 64 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตามแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตป่าอนุรักษ์ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2561 บริเวณป่าทิศตะวันออกบ้านปางมะกง ท้องที่ หมู่ 11 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติศรีลานนา เวลา 03.30 น. ขณะออกตรวจลาดตระเวนถึงบริเวนป่าดังกล่าว พบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถางขยายจากพื้นที่ทำกินปลูกต้นกล้วยและมะม่วง ตรวจพบชายคนหนึ่งอยู่ในเพิงพักในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จึงได้เชิญตัวชายคนดังกล่าวมาสอบถามข้อมูล ที่บริเวณ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ที่ ศล.2 (ปางมะเยา) ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่


สอบถามชายคนดังกล่าวทราบชื่อภายหลังว่า นายจำรัตร์ บุญรัตน์ อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 22 หมู่ 4 ต.บ้านโป่ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
โดยยอมรับว่าตนเองเป็นผู้แผ้วถางป่าในพื้นที่เกิดเหตุ ต่อมาเวลา 08.00 น.เจ้าหน้าที่ จึงได้ร่วมกันตรวจสอบตรวจวัดและตรวจยึดพื้นที่บุกรุกแผ้วถางดังกล่าว จำนวน 1 แปลง รวมเนื้อที่ 2-1-82 ไร่ พิกัดกลางแปลง พิกัด 47Q 510468 UTM 2148131 และแจ้งให้นายจำรัตร์ฯ ทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ และจะถูกจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้แก่ พรบ.ป่าไม้ ฐานความผิด

 


1) พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ห้ามมิให้ผู้ใดก่อสร้างแผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นผู้ใดฝ่าฝืน
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 55 ผู้ใดครอบครองป่าที่ได้ถูกแผ้วถางโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตราก่อนให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่านั้น
2) พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติห้ามิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดินก่อสร้างแผ้วทางเผาป่าทำไม้เก็บหาของป่าหรือกระทำด้วยประการใดใดอันเป็นการเสื่อมเสียรแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ และมาตรา 31 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 14 ต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปีและปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท

3) พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (1) ฐานยึดถือครอบครองที่ดินก่อสร้างแผ้วทางหรือกระทำการใดๆให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ให้เปลี่ยนแปลงสภาพไปจากเดิม และมาตรา 41 ผู้ใดยึดถือหรือครอบครองที่ดินก่อสร้างแผ้วถางเผาป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิมในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยานแห่งชาติสวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 19 (1) หนึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปีหรือปรับตั้งแต่ 400,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนจะนำตัวส่งให้กับตำรวจ สภ.เชียงดาวดำเนินคดีต่อไป