รอบบ้านรอบเมือง » แพทย์ รพ.ลานนาเตือนควรสวมหน้ากากN95 และสวมเสื้อแขนยาวเพราะ ฝุ่นละอองขนาเล็ก PM2.5 สามารถทะลุผ่านผิวหนังได้

แพทย์ รพ.ลานนาเตือนควรสวมหน้ากากN95 และสวมเสื้อแขนยาวเพราะ ฝุ่นละอองขนาเล็ก PM2.5 สามารถทะลุผ่านผิวหนังได้

10 มีนาคม 2021
2283   0

Spread the love

สภาพอากาศพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่มีฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานติดอันดับโลก5 วันติดต่อกันส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนมีผู้ป่วยเข้ามารักษาอาการป่วยเพิ่มร้อยละ 10 ด้านแพทย์ รพ.ลานนาเตือนควรสวมหน้ากากN95 และสวมเสื้อแขนยาวเพราะ ฝุ่นละอองขนาเล็ก PM2.5 สามารถทะลุผ่านผิวหนังได้

สภาพท้องฟ้าที่ขาวโพลนทั่วจังหวัดเชียงใหม่ที่ถูกปกคลุมไปโดยหมอกควันละฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่วันนี้เกิดค่ามาตรฐานติดต่อกันเป็นวันที่ 4 แล้วหลังเกิดสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันโดยวันนี้พบจุดฮอตสปอตใน 17 จังหวัดภาคเหนือ สูงกว่า 1,477 จุด จังหวัดเชียงใหม่พบจุดฮอทสปอตมากถึง 295จุด ซึ่งปัญหานี้เริ่มาส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ เริ่มป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ และมีผู้ป่วยเริ่มเข้ามารักษาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลลานนา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ที่จะมีผู้ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด และผิวหนังเริ่มเข้ามารักษาอาการกันอย่างต่อเนื่อง


นพ.อภินันท์ ตันติวุฒิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม โรงพยาบาลลานนา เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 ที่เริ่มเกินค่ามาตรฐานในระยะนี้ ส่งผลทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อสุขภาพก่อนก่อนออกนอกบ้านั้นควรสวมใส่หน้ากากอนามัย N 95 ที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก เพราะหน้ากากผ้าหรือหน้ากาอนามัยที่เราใช้ป้องกันโควิด 19 นั้นไม่สามารถป้องกันฝุ่นละอองPM 2.5 ได้ ซึ่งหลังเกิดปัญหาหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นขณนี้ประชาชนเริ่มมีอาการป่วยและเข้ามารับการรักษาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะผู้ป่วยทางเดินหายใจและผิวหนังซึ่งจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ดังนั้นในระยะนี้ทุกคนควรดูแลป้องกันตัวเองดีๆ ออกกลางแจ้งก็ให้สวมหน้ากากอนามัยอาจจะอึดอัดหน่อยแต่ก็ป้องกันฝุ่นได้ ถ้าหากเข้ามาในร่มมีเครื่องฟอกอากาศก็ค่อยเปลี่ยนใส่หน้ากากผ้าแทนแต่ที่สำคัญควรมั่นเช็คร่างกายตัวเองให้ดีหากพบมีอาการผิดปกติก็ให้มาพบแพทย์ และควรสวมเสื้อแขนยาวทุกครั้งหากออกกลางแจ้งเนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 นั้นมีอนุภาพรุนแรงสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้
เมื่อประชาชนได้รับเข้าไปในร่างกายก็จะไปสะสมก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ โรคปอด โรคหัวใจ รวมไปถึงโรคมะเร็ง